โฆษกสภาทนาย เตือน คอ.นธ.อย่าทำงานเบ็ดเสร็จงุบงิบเสนอฝ่ายบริหาร แนะได้ผลศึกษาเผยแพร่ถามความเห็นภาคประชาสังคม หรือเสนอองค์กรปฏิรูปที่มีกฎหมายรองรับ ด้าน ส.ว.นักกฎหมาย ให้ คอ.นธ.ไปศึกษาการป้องกันการเมืองแทรกแซงกระบวนยุติธรรม
วันนี้ (18 ก.ย.) ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงกรณีที่การที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการองค์กรอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรม แห่งชาติ (คอ.นธ.) โดยมี นายอุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา เป็นประธาน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์แนวทางมาตรการและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการด้านต่างๆ เพื่อเป็นหลักประกันการใช้กฎหมายภายใต้มาตรฐานเดียวกันตามหลักนิติธรรม ว่า ถ้าจะมองว่าการทำงานจะซ้ำซ้อนคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ซึ่งแต่งตั้งและมีกฎหมายรองรับการทำหน้าที่หรือไม่นั้น เห็นว่า ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่เมื่อพิจารณาที่มาที่ไปของ คอ.นธ.นี้ถูกตั้งขึ้นมาโดยฝ่ายบริหารเพื่อศึกษาการบังคับใช้กฎหมายที่รัฐบาล เห็นว่า มีปัญหาเรื่องสองมาตรฐาน ขณะที่ค่อนข้างชัดเจนว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีกฎหมายรองรับเหมือนชุดของ นายคณิต ณ นคร ลักษณะการทำงานคณะกรรมการอิสระฯ ชุด นายอุกฤษ จึงเป็นลักษณะทำงานที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษา ส่วนผลการศึกษานั้นสุดท้ายก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารต้องไปพิจารณาอีกครั้ง ว่านำไปดำเนินการได้อย่างไร หรือไม่ ขณะที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมีภาระหน้าที่ตามรัฐ ธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความน่าเชื่อถือและการยอมรับผลการศึกษาคณะกรรมการ ชุด นายอุกฤษ จะมีหรือไม่ เมื่อไม่มีกฎหมายรับรอง และเห็นด้วยหรือไม่ที่ นายอุกฤษ ระบุกรรมการ ศอ.นธ. 12 คนที่แต่งตั้งจะมาจากอดีตอธิการบดี คณบดี และนักวิชาการกฎหมาย ซึ่งไม่มีตัวแทนอื่น เช่น ภาคสังคม รัฐศาสตร์ ว่าที่ พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า เมื่อลักษณะของ คอ.นธ.น่าจะเป็นได้คณะทำงานที่ศึกษาปัญหาที่ฝ่ายบริหารเห็นว่าน่าจะมีปัญหา สุดท้ายการตัดสินใจว่าจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ฝ่ายบริหารก็ต้องพิจารณาเองโดยผลการศึกษาของ คอ.นธ.อาจจะสอดคล้องกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย หรือจะแตกต่างก็ได้ ขณะที่หน้าตาของคณะกรรมการ คอ.นธ. 12 คน ขณะนี้ยังไม่ทราบจะมีใครบ้างก็ต้องรอดู แต่เมื่อจะต้องมีการแต่งตั้งเชื่อว่านายอุกฤษก็จะต้องหาผู้ทีมีความตั้งใจมาทำงาน ส่วนที่ไม่มีตัวแทนภาคอื่นร่วมเป็นกรรมการอาจเป็นเพราะมองว่า เมื่อมีปัญหาต้องศึกษาเกี่ยวกับการใช้กฎหมายก็ต้องให้นักกฎหมายดูแต่ตนเห็นว่าผลการศึกษาน่ายอมรับได้หรือไม่ ก็ควรต้องให้เห็นที่มา ที่ไป เช่น เมื่อได้ผลการศึกษาจากคณะกรรมการที่นายอุกฤษจะตั้ง 12 คนแล้ว ก็อาจจะให้ประชาชน หรือภาคสังคมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย แล้วจึงนำเสนอฝ่ายบริหาร หรือเสนอคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายบัญญัติ พิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติต่อไป ไม่ทำให้ผลการศึกษาของ คอ.นธ.เบ็ดเสร็จฝ่ายเดียว
“ระยะเวลาการดำเนินการของ คอ.นธ.ก็คงขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารเพราะถูกตั้งมาจากการเมือง ถ้าจะศึกษาการใช้กฎหมายทั้งระบบต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น ผลการศึกษา คอ.นธ.จึงน่าจะเป็นการจุดประกายขึ้นมามากกว่า ส่วนที่จะส่งผลถึงแก้กฎหมายหรือไม่ คงไม่ง่ายเพราะยังมีคณะปฏิรูปกฎหมาย อีกทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องเกี่ยวข้อง” ว่าที่ พ.ต.สมบัติ ระบุ
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายห่วงการแทรกแซงฝ่ายการเมือง ว่าที่ พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า เมื่อชัดเจนว่า คอ.นธ.ถูกตั้งโดยฝ่ายบริหาร ส่วนตัวของคณะกรรมการแต่ละคนที่ถูกตั้งมาก็ต้องระวังอยู่แล้ว ขณะที่กรรมการแต่ละคนถ้าคิดว่าจะถูกแทรกแซงทางการเมืองก็สามารถถอนตัวได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ดีเชื่อว่าหากมีการแทรกแซงทางการเมืองยังมีภาคสังคมช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน
ซักต่อว่า สภาทนายความในฐานะที่เป็นหนึ่งในฝ่ายปฏิบัติของกระบวนการยุติธรรม หากมีการขอเข้าร่วมเป็นกรรมการ คอ.นธ.ด้วยหรือไม่ โฆษกสภาทนายความ กล่าวว่า ถ้าวัตถุประสงค์ไม่ใช่การดำเนินการบุคคลใด บุคคลหนึ่ง แต่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ประชาชน สภาทนายความก็คงไม่ขัดข้อง แต่ทั้งนี้การพิจารณาเข้าร่วมก้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการสภาทนายความด้วย
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา อดีตเลขาธิการสภาทนายความ กล่าวว่า การที่รัฐบาลตั้ง คอ.นธ.น่า จะเป็นการทำงานที่ซ้ำซ้อนกับองค์กรอิสระอื่นที่ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายและองค์กรเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 81 โดยคณะกรรมการมาจากสรรหา มีความน่าเชื่อถือ มีความเป็นกลาง อีกทั้งมีกฎหมายรองรับ ซึ่งน่าจะทำงานได้ดีกว่า คอ.นธ.ที่ไม่มีกฎหมายใดๆ รองรับ ความจริงกระบวนการยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมายและองค์กรอิสระต่าง ๆ นั้นเขาทำหน้าที่ของเขาดีอยู่แล้ว ถ้าการเมืองไม่เข้าไปยุ่ง ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่เข้าไปกดดัน กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในเรื่องของความยุติธรรมก็ทำหน้าที่ของเขาไปตามปกติ
“ถ้า คอ.นธ.จะทำงานตรวจสอบแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ น่าจะพิจารณาและศึกษาก่อนว่าจะทำอย่างไรไม่ให้การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง กดดัน สร้างสถานการณ์กล่าวหาอย่างที่เป็นมาในอดีต ” นายวันชัย ส.ว.ระบุ