นายดาบตำรวจ ปคม. ฟ้อง ผบ.ตร.กับพวก 14 คน ร่วมกันกลั่นแกล้งให้รับโทษทั้งวินัยและอาญา หลังร่วมจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ และมีนักการเมืองและข้าราชการผู้ใหญ่หลายคนเข้าไปเกี่ยวข้อง
วันนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอมร กุศล ทนายความรับมอบอำนาจจาก ด.ต.สถาพร วิไลรัมย์ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปคม. ช่วยราชการ บช.ก. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับพวกรวม 14 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ร่วมกันสั่งการ ใช้ ก่อ จ้าง งานหรือด้วยวิธีอื่นใด สร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ รายงานเท็จ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ร่วมกันนำข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ”
ฟ้องโจทก์สรุปว่า จากกรณีที่โจทก์ได้ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิดค้ามนุษย์รายใหญ่ในจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทางการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงมีได้ความพยายามร่วมมือกันสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จว่าโจทก์, ด.ต.ศรีสุวรรณ วงศิ์ศิริ และพ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล มีการเรียกรับเงินจากร้านคาราโอเกะในพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน โดยผู้บังคับบัญชาของโจทก์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกฎหมายแล้วเห็นว่า ข้อร้องเรียนดังกล่าวไม่มีมูล แต่ปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากลับไม่คำนึงถึงกฎหมายและระเบียบที่กำหนด เนื่องจากเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนไปแสวงหาพยานหลักฐานโดยการหลอกลวงผู้อื่นจัดทำคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนโดยไม่เป็นความจริง เพื่อให้โจทก์กับพวกถูกดำเนินการทางอาญาและวินัย
ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3379/2554 เพื่อพิจารณาว่าจะมีคำสั่งให้รับฟ้องหรือไม่ และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์วันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวได้มีเจ้าของร้านอาหารในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ร้องเรียนมายังจเรตำรวจ และร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ธาตุพนม ว่าถูกตำรวจ บก.ปคม.เรียกรับผลประโยชน์ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จึงให้สอบสวนข้อเท็จจริงทางลับพบการร้องเรียนมีมูล จึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) จำนวน 3 คน ไปช่วยราชการที่กองบังคับการอื่นเป็นเวลา 90 วัน ได้แก่ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.3 ปคม. ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) ด.ต.ศรีสุวรรณ วงษ์คีรี ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจรถไฟ (บก.รฟ.) และ ด.ต.สถาพร ศรีไลรัมย์ ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) เพื่อรอการสอบสวนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับต้นเรื่องซึ่งเป็นที่มาของคำสั่งย้ายดังกล่าว เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเขตสยาม เนาว์รังสี อายุ 39 ปี เจ้าของร้านโบว์ลิ่งเบียร์ ร้านคาราโอเกะ ใน อ.ธาตุพนม จ.นคร พนม เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.บุญวัฒน์ นึกชัยภูมิ พนักงานสอบสวน สบ 3 สภ.ธาตุพนม ให้ดำเนินคดีต่อ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด.ต.ศรีสุวรรณ และด.ต.สถาพร ตำรวจสังกัด ปคม.กล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นายเขตสยามระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2553 ที่ผ่านมามีชาย-หญิง 2 คนพร้อมตำรวจเดินทางมาหาที่ร้านอ้างชื่อตำรวจทั้ง 3 นาย เรียกรับเงินค่าดูแลความเรียบร้อยเดือนละ 1,000 บาท โดนโอนเข้าบัญชีของผู้หญิง แต่ต่อมาก็ขอเพิ่มเงินเรื่อยๆ จนสูงสุดที่ 5,000 บาทต่อเดือน ทำให้ไม่มีเงินจ่ายจึงถูกชายอ้างเป็นตำรวจขู่อุ้มไปวิสามัญฆาตกรรมจนต้องหนีภัยไปประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนตัดสินใจกลับมาแจ้งความ และร้องทุกข์กับ ตร.แห่งชาติ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากรายของนายเขตสยามแล้ว ปรากฏว่ามีเจ้าของสถานบริการหลายแห่งในหลายจังหวัดรวมกว่า 130 ราย ร้องทุกข์ผ่านทางเว็บไซต์ของ ตร.แห่งชาติ กล่าวหาตำรวจ ปคม.ชุดเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน