“พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์” ผบช.ก.ตั้งกรรมการ 2 ชุด เร่งสอบข้อเท็จจริง หลังเซ็นคำสั่งเด้งฟ้าผ่า ผกก.กับอีก 2 ดาบตำรวจสังกัด ปคม. เอี่ยวรีดไถร้านคาราโอเกะ กำชับผู้บังคับบัญชาทุกกองบังคับการดูแลพฤติกรรมลูกน้องแนะจัดหางบประมาณในการปฏิบัติงานแทนเงินทุจริต
วันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.3 บก.ปคม.ไปช่วยราชการที่ บก.รน. ด.ต.ศรีสุวรรณ วงษ์คีรี ไปช่วยราชการที่ บก.รฟ. และ ด.ต.สถาพร ศรีไลรัมย์ ไปช่วยราชการที่ บก.ทท.เป็นเวลา 90 วัน หลังจากทั้งหมดถูกผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครพนม ร้องเรียนไปยังจเรตำรวจว่าเรียกรับผลประโยชน์ว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้น 2 ชุด โดยชุดแรกมีพนักงานสอบสวน บก.ปคม.สอบสวนตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ชุดที่ 2 เป็นจเรตำรวจซึ่งทางผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนและทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ได้รวบรวมเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และยังกำชับว่าให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ได้กำชับให้ผู้บังคับการ (ผบก.) ทุกกองบังคับการในสังกัดเร่งตรวจสอบข้อมูลและพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาในหน่วยงานของตนเองว่า ยังมีใครที่ยังประพฤติตัวออกนอกแถวอยู่อีกหรือไม่ และให้ศึกษารูปแบบและวิธีการทุจริตต่างๆ ในหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่สาเหตุ
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าวว่า สำหรับกรณีการร้องเรียนต่างๆ ผู้บังคับบัญชาก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ตนได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นเรียกผู้ใต้บังคับบัญชา หรือเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ มาให้ความรู้ ให้นโยบาย และจัดหางบประมาณในส่วนต่างๆ มาทดแทนเงินที่ได้มาจากการทุจริตที่จำเป็นต้องนำมาใช้ในราชการ
“ผมต้องขอขอบคุณ ผู้บังคับการและผู้ใต้บังคับบัญชาในสังกัดทุกนาย ที่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาการทุจริตให้ลอดน้อยลง ทั้งนี้ ผมอยากให้ตำรวจในสังกัดได้ชมนิทรรศการที่จัดขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และควรจะพิจารณาด้วยว่าตำรวจควรจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างของตนเองได้แล้ว” ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าวอีกว่า ในวันเดียวกันนี้ ทาง บช.ก.ได้เปลี่ยนแปลงการของบประมาณใหม่ โดยมีการเกลี่ยงบประมาณมาให้เพื่อการทำงานเต็มรูปแบบ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้ไม่ต้องไปทุจริตโดยอ้างว่านำเงินนั้นมาทำงาน ซึ่งมักจะอ้างกันอยู่เสมอ ส่วนเรื่องตำรวจรับส่วยนั้นที่ผ่านมามีการร้องเรียนเข้ามามาก มีทั้งผ่านสื่อและผ่านผู้ประกอบการ แต่ตนขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าเพิ่งตกใจ ทาง บช.ก.จะพิจารณาเป็นเรื่องๆ และดำเนินการแก้ไข พร้อมกับมีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดว่าการร้องเรียนนั้นๆ มีข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นเพียงการกลั่นแกล้งกัน เราจะไม่ไปจับผิดจึงอยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่อย่างสบายใจ
“จากนี้ไปหากตรวจพบการทุจริตเกิดขึ้นอีก ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานนั้นๆ จะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จึงอยากฝากผู้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยให้ช่วยกันสอดส่องดูแลและแก้ไขปัญหา ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน บช.ก.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือกระทำการผิดกฎหมายด้วยนั้น ก็อยากให้ผู้บังคับบัญชาทุกนายได้ตรวจสอบและหาข้อมูลที่มาของข่าวลือเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไปด้วย” พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวว่า ภายหลังจาก ผบช.ก.มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ. และ ด.ต.2 นาย ไปแล้วนั้น ทาง บก.ป.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีการทุจริตมานานแล้ว โดยล่าสุดตนได้เรียกตำรวจชั้นประทวนในสังกัด บก.ป.ร่วมประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติงานตามหน้าที่รับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนก็ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ และบางเรื่องก็อยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุง และจัดชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปหาข้อมูล อย่างไรก็ดี ปัญหาการร้องเรียนส่วนใหญ่ที่พบจะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ มากกว่าพื้นที่อื่น
“ผมได้กำชับให้ผู้กำกับการแต่ละกองกำกับการได้ลงไปร่วมตรวจสอบว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชากระทำความผิดตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ และหากพบว่ากระทำผิดจริงจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกับที่ ผบช.ก.ได้ให้นโยบายมาแล้ว” พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าว