xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ชี้ข้อกล่าวหามีมูล เร่งสอบพยานคลายปมดีแทคปล่อยต่างด้าวครอบ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
“ทรูมูฟ” ไล่บี้ “ดีแทค” โดยนำส่งหลักฐานให้พนักงานสอบสวนเพิ่ม 15 รายการ กรณีให้ต่างด้าวครอบงำถือหุ้นเกินกฎหมายกำหนด ด้านตำรวจชี้ข้อกล่าวหามีมูล ทยอยสอบพยาน 40 ปาก เผย สัปดาห์หน้าจะขอข้อมูลและสอบปากคำอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นางศุภสรณ์ โหรชัยยะ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทรูมูฟ จำกัด เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีที่ บริษัท ทรูฯ กล่าวหา บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ให้ต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่ากฎหมายกำหนด หลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 และ พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (รองผบก.ปอศ.) ในฐานะคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ เพื่อนำหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้ 15 รายการ ให้คณะพนักงานสอบสวน หลังจากเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา

นางศุภสรณ์ กล่าวเพียงว่า หลังกล่าวโทษดีแทคต่อ บก.ป.ไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังมีหลักฐานบางอย่างที่ยังไม่มอบให้พนักงานสอบสวน ซึ่งวันนี้จึงนำมามอบให้เพิ่มเติมจำนวน 15 รายการ ซึ่งจากหลักฐานที่นำมาจะชี้ให้เห็นว่า บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ทำผิดตามที่กล่าวหา และผิดกฎหมายอาญาด้วย ทั้งนี้ล่าสุดมีคำพิพากษาศาลปกครองเกี่ยวกับกรณีเทียบเคียง และพบว่ากระกระทำเช่นนี้มีความผิด โดยตนจะนำมามอบให้พนักงานสอบสวนภายหลัง

ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า คดีนี้ บริษัท ทรูฯ มากล่าวโทษกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.แต่แรก และ ผบ.ตร.ก็มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบช.ก.รับมาดำเนินการ และมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กระทั่ง บ.ทรูฯเข้าร้องทุกข์ซ้ำที่ บก.ป.จึงมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม รวม 33 นาย และเนื่องจากคดีนี้ไม่อยู่ในเขตอำนาจความรับผิดชอบของ บก.ป.แต่เกี่ยวข้องกับอำนาจรับผิดชอบของ บก.ปอศ. กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และกองคับการตำรวจท่องเที่ยว เพราะมีชาวต่างด้าวเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้ระดมพนักงานสอบสวนในหน่วยที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบทำคดีในรูปแบบคณะกรรมการ

รองผบช.ก.กล่าวว่า จากการสอบสวนไปแล้ว รวมทั้งการค้นบริษัทบางแห่งที่เกี่ยวข้อง และการตรวจยึดเอกสารจากบริษัทดังกล่าว ประกอบกับที่สำคัญมีรายงาน กรณีปัญหาการถือหุ้น การครอบงำกิจการ และการถือกรรมสิทธิ์โดยคนต่างด้าว ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคม ของคณะกรรมการการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่า เป็นการกระทำเข้าข่ายมีความผิด มาประกอบก็ชี้เบื้องต้นได้ว่าข้อกล่าวหามีมูล จึงต้องสืบสวนสอบสวนต่อว่า มีความผิดจริงหรือไม่ ผิดอย่างไร มีข้อหาใดเพิ่มเติมหรือไม่ ใครเกี่ยวข้องบ้าง รวมถึงมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนกระทำผิดด้วยหรือไม่ โดยคณะพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่ และนำเอกสารที่ได้วันนี้ทั้ง 15 รายการไปตรวจสอบประกอบหลักฐาน

ขณะที่ รองผบก.ปอศ กล่าวว่า จากนี้ต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องจากหลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ฯลฯ โดยเบื้องต้นต้องสอบปากคำพยานประมาณ 40 ปาก และอาจมีมากถึง 100 ปาก โดยยอมรับว่าคดีนี้มีความซับซ้อน เพราะมีหลายบริษัทเข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 8 แห่ง โดยคดีนี้มีความคล้ายคลึงกับคดีบริษัทกุหลาบแก้ว แต่ซับซ้อนกว่า ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการสอบสวนนานพอสมควร ทั้งนี้ ในวันที่ 4 กรกฎาคม คณะพนักงานสอบสวนจะติดต่อเพื่อขอข้อมูลและสอบปากคำ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อนำมาประกอบสำนวนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น