xs
xsm
sm
md
lg

ปล้นทองรายวัน! กับโจทย์รัฐบาล "ปู 1" ต้องเร่งแก้ไข

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ) เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างบิ๊กซี บางบอน
ความล่อตา ล่อใจ ในภาวะราคาทองพุ่งกระฉูดฉุดไม่อยู่ ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้ราคาทองคำทำสถิติทะลุบาทละ 5 หมื่นบาทแน่นอน กับสถานการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความหวาดหวั่นให้กับบรรดาร้านทอง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ กับภัยใกล้ตัวเหล่าโจรผู้ร้าย ที่ออกอาละวาด "จี้ - ปล้น" กันไม่เว้นแต่ละวัน

ที่ผ่านมาแม้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ตลอดจนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จะออกมาตรการ พร้อมประสานขอความร่วมมือกับเจ้าของร้านทองในแต่ละพื้นที่ ให้ดำเนินตามแผนป้องกัน เพื่อไม่ให้อาชญากรรมเกิดขึ้นกับร้านทองได้ เช่น 1.ให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ในตำแหน่งที่สามารถบันทึกภาพได้ชัด และตรวจสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดอย่างสม่ำเสมอ

2.จัดทำสัญญาณฉุกเฉินที่กดจากภายในร้านเมื่อมีเหตุ ไปดังส่งสัญญาณที่สถานีตำรวจในเขตที่ตั้งใกล้ร้านทอง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้มาจับโจรได้ทันท่วงที

3.ติดตั้งประตูเข้า-ออกอัตโนมัติ หรือลูกกรงเหล็กดัด ให้แน่นหนา

4.พยายามสังเกตลักษณะท่าทาง จดจำบุคคลที่เข้าออกภายในร้านทุกครั้ง เผื่อพวกโจรมาดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุ

5.ให้บริการแก่ผู้มาใช้บริการด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่สวมใส่แว่นตาดำ ใช้ผ้าปิดจมูก หรือสวมหมวกทุกชนิด ซึ่งตรงนี้ร้านขายทองควรขอความร่วมมือให้ถอดออกก่อนเข้ามาในร้าน ป้องกันไว้ดีกว่าแก้

6.ควรให้ความร่วมมือ ในเรื่องการปิด-เปิดร้าน เพื่อป้องกันการก่อเหตุของคนร้าย

7.ช่วงเปิดหรือใกล้ปิดทำการของร้าน ขอให้ใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติ เพราะคนร้ายอาจจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวก่อเหตุ

8.ขณะเปิดทำการไม่ควรให้ผู้หญิงอยู่ในร้านเพียงลำพัง เพราะอาจะเป็นช่วงเวลาที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุได้ และควรมีพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ประจำร้าน

9.ติดสติ๊กเกอร์ บริเวณหน้าร้าน คำว่า "กรุณาถอดหมวก" และ "แว่นตาดำ" ก่อนเข้ามาใช้บริการทุกครั้ง

10.ทุกร้านต้องดำเนินการในเรื่องใบอนุญาตทุกประเภทให้ถูกต้อง

11. หากพบบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย หรือบุคคลที่นำทองรูปพรรณที่ชำรุดมาขาย อันน่าเชื่อว่าจะได้มาจากการกระทำความผิด กรุณาแจ้ง สน.ท้องที่ หรือ 191

แม้ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเอาจริง เอาจังกับการปราบปรามคนร้าย ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคราคาแพง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานไม่ให้โจรก่อเหตุปล้น จี้ ร้านทองได้ โดยเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ก่อนวันแม่แห่งชาติเพียง 1 วัน ในช่วงสาย ๆ คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี ผิวดำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีครีม นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว ใส่หมวกแก๊ป สวมแว่นตา ใช้ผ้าปิดจมูก เพื่ออำพรางใบหน้า ได้เข้าจี้ร้านทองห้างทองเพชรทองใบ ที่ตั้งอยู่ในห้างบิ๊กซี ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาบางบอน อย่างอุกอาจ โดยคนร้ายชักปืนจ่อไปตรงหน้าพนักงาน แล้วตะคอกข่มขู่ให้ทุกคน "อยู่เฉย ๆ " จากนั้นได้กวาดเอาสร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท ไปจำนวน 10 เส้น มูลค่า 507,000 บาท แล้ววิ่งย้อนศรไปทางบันไดเลื่อนในห้าง ซึ่งพนักงานภายในร้านได้ตะโกนขอความช่วยเหลือให้ รปภ. สกัดจับคนร้าย และในจังหวะที่ รปภ.วิ่งไล่กวาดตามไปสกัดจับอยู่นั้น คนร้ายได้ยิงสวน 1 นัด แต่กระสุนพลาดไปถูกกระจกประตูบานเลื่อนของห้างแตกกระจาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะตามจับคนร้ายไม่ทันหนีไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาชั่วข้ามวัน พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.น.9 ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนไปขออำนาจศาลธนบุรีออกหมายจับคนร้ายตามตำหนิ รูปพรรณ สัณฐาน ตามที่กล้องวงจรปิดภายในห้างบิ๊กซีบางบอน จับภาพคนร้ายขณะมาดูลาดเลาก่อนลงมือก่อเหตุ 30 นาทีไว้ได้ ซึ่งคนร้ายรายนี้ได้ใช้เวลาจี้ชิงทองเพียงไม่ถึง 2 นาที

ขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำแล้ว ซ้ำเล่ากับร้านทองในทุกพื้นที่ กับช่วงเวลานาทีทองแพงเหลือเกินในขณะนี้ ทาง "พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ผบ.ตร. ได้สั่งทุกท้องที่ให้หมั่นออกตรวจตรา ส่งกำลังสายตรวจเพิ่มความถี่ตรวจความเรียบร้อยกับร้านทองอย่างเข้มงวด โดยเน้นให้สายตรวจเข้าไปประสานผู้ประกอบการร้านทองให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด ปิดล็อกประตู และดูแลช่องทางการแจ้งเหตุ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่มีการประเมินและปรับแผนทุก 3 เดือน หลังจากพบว่าคดีปล้นร้านทองเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีทั้งหมด 5 คดี แต่เพิ่งจับกุมคนร้ายได้เพียง 1 คดีเท่านั้น

เหตุการณ์โจรกรรม "ปล้น จี้ ชิงทอง" จากร้านขายทองรูปพรรณเกิดขึ้นรายวันทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปขาดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งสร้างความหวาดกลัว ทำให้เดือดร้อน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการ และภาพลักษณ์การทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยโดยสถิติอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการร้านขายทองรูปพรรณ ตั้งแต่ปี 2550 จนถึง 2553 ในแต่ละจังหวัด รวมถึงการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดเผยสถิติการก่ออาชญากรรมปล้นร้านทองตั้งแต่ปี 2550 ถึง 2553 มีดังนี้ ในส่วนของ บก.น 1 มีจำนวนคดี 2 คดี จับกุมได้ 1 คน , บก.น.2 จำนวนคดี 6 คดี จับกุมได้ 2 คน , บก.น.3 3 คดี จับกุมได้ 2 คน , บก.น.4 จำนวน 8 คดี จับกุมได้ 5 คน , บก.น.5 จำนวน 3 คดี จับกุมได้ 5 คน , บก.น.6 จำนวน 5 คดี จับกุมได้ 3 คน , บก.น.7 จำนวน 2 คดี จับกุมได้ 2 คน ,บก.น.8 จำนวน 1 คดี จับกุมได้ 1 คน , บก.น.9 จำนวน4 คดี จับกุมได้ 4 คน จังหวัดที่มีจำนวนสถิติการก่อคดีที่สูงใน บช.น.1 จังหวัดปทุมธานี จำนวนคดี 46 คดี จับกุมได้ 43 ราย ลพบุรี จำนวนคดี 12 คดี จับกุมได้ 10 คน อยุธยา จำนวน 20 คดี จับกุมได้ 15 คน สมุทรปราการ 15 คดี จับกุมได้ 12 คน จังหวัดนนทบุรี จำนวน 7 คดี จับกุมได้ 5 คน สระบุรี 4 คดี จับกุมได้ 5 คน สิงห์บุรี จำนวน 4 คดี จับกุมได้ 3 คน

ในขณะนี้ที่บ้านเมืองกำลังก้าวสู่การปรองดอง ซึ่งตีเส้นคู่ขนานท้าทายการทำงานของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" กับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังผันผวน ราคาทองคำไต่ระดับสูงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งได้ อีกทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกตรวจตราความสงบเรียบร้อยก็ไม่เพียงพอครอบคลุมทุกพื้นที่ จึงยิ่งเปิดช่องให้คนร้ายก่อเหตุกับร้านขายทองรูปพรรณได้โดยง่าย หากของกินของใช้ในกิจวัตรประจำวันยังคงแพง รายได้ยังคงต่ำ ค่าครองชีพอื่น ๆ ยังไม่พอกับรายจ่ายต่อวัน ถ้าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขทันที ภายใต้รัฐบาล "ปู 1" เชื่อแน่ว่าโจรผู้ร้ายจะยิ่งชุกชุม เกลื่อนเมืองมากขึ้นแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น