คนร้ายสวมหมวกแก๊ป ใส่แว่นตา ใช้ผ้าปิดจมูกอำพรางใบหน้าบุกเดี่ยวควักปืนจี้ร้านทองภายในห้างบิ๊กซี บางบอน กวาดทองไป 10 เส้น มูลค่า 507,000 บาท ขณะที่ รปภ.วิ่งกวดจับโดนยิงสกัด ไม่มีใครบาดเจ็บ และตามไม่ทัน หนีไปได้หวุดหวิด ด้านตำรวจ ชี้ ลงมือไม่ถึง 2 นาที โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพพฤติกรรมก่อนก่อเหตุชัดเจน
วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.บุญจันทร์ เวียงนนท์ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทอง ชื่อห้างทองเพชรทองใบ ภายในห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาบางบอน ถนนเอกชัย ปากซอยเอกชัย 67 แขวงและเขตบางบอน กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะพิญโญ รองผบช.น. พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.9 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 2 ภายในร้านทอง พบ น.ส.สุพัตรา สีหมากสุข อายุ 25 ปี พนักงานขายทอง ยืนรอให้ปากคำอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ขายทองด้วยอาการตื่นตระหนก จากการสอบสวน น.ส.สุพัตรา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนอีก 2 คน กำลังช่วยกันจัดสินค้า เนื่องจากเพิ่งเปิดร้านได้เพียง 1 ชั่วโมง ระหว่างนั้นสังเกตเห็นชาย 1 คน ยืนอยู่หน้าร้าน ซึ่งตนไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย โดยชายดังกล่าวอายุประมาณ 40 ปี ผิวดำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีครีม นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว นอกจากนี้ ยังใส่หมวกแก๊ปสีน้ำตาล และสวมแว่นตา กับผ้าปิดจมูก เพื่ออำพรางใบหน้า มีกระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้วิ่งเข้ามาในร้านพร้อมกับใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อเข้ามาที่พวกตน และข่มขู่ให้ถอยออกไปและให้อยู่เฉยๆ
น.ส.สุพัตรา กล่าวอีกว่า จากนั้นคนร้ายได้วิ่งเข้ามาที่ตู้โชว์ทองด้านหลัง กวาดสร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท ไปจำนวน 10 เส้น มูลค่า 507,000 บาท ก่อนจะรีบวิ่งหลบหนีไป โดยคนร้ายได้วิ่งย้อนศรไปทางบันไดเลื่อนขาขึ้น พวกตนจึงตะโกนขอความช่วยเหลือให้ รปภ.สกัดจับคนร้าย ขณะที่ รปภ.พยายามวิ่งไล่สกัดจับอยู่นั้น คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงสวน จำนวน 1 นัด แต่กระสุนถูกกระจกประตูบานเลื่อนบริเวณทางออกลานจอดรถด้านหลังของห้างแตกกระจาย จนได้รับความเสียหาย 2 บาน ซึ่งโชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายทราบว่าสามารถขับขี่รถ จยย.หลบหนีไป
ด้าน พ.ต.อ.ชาญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในร้าน และภายในห้างทุกตัวแล้ว โดยเห็นภาพคนร้ายอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนลงมือพบว่าคนร้ายเดินขึ้นบันไดเลื่อนและเดินผ่านไปมาบริเวณหน้าร้าน เพื่อสำรวจดูลาดเลาตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.จากนั้นอีกประมาณ 30 นาที คนร้ายจึงก่อเหตุใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที อย่างไรก็ตาม มีพยานระบุว่า ยานพาหนะที่คนร้ายใช้เป็นรถ จยย.แบบผู้หญิง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีเทา หมายเลขทะเบียนจำได้แค่เลข 2 ตัวหลัง คือ 48 แต่ไม่ทราบหมวดอักษรและจังหวัด ซึ่งได้วิทยุแจ้งให้ตำรวจทุกท้องที่ช่วยทำการสกัดจับแล้วแต่ยังไร้วี่แวว ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายรายนี้ต้องเป็นคนในพื้นที่ และวางแผนก่อนลงมือมาเป็นอย่างดี ส่วนอาวุธปืนที่ใช้น่าจะเป็นปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เนื่องจากพบกระสุนปืนลูกปรายตกอยู่บริเวณประตูทางออกลานจอดรถด้านหลังห้าง โดยหลังจากนี้จะเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนให้เร่งรัดติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผบ.ตร.สั่งทุกท้องที่ตรวจตราเข้มร้านทอง
ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและอาชญากรรมสำคัญร่วมกับ บช.ภาค 1-9, ศชต., บช.ปส.และ ตชด.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นประธานในที่ประชุม ว่า ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับคดีปล้นทรัพย์ร้านทองเมื่อเดือนที่ผ่านมา มีทั้งหมด 5 คดี ซึ่งยังไม่ร่วมกับคดีที่ปล้นร้านทองที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของ สน.บางบอน ที่เพึ่งเกิดขึ้น โดยสามารถจับกุมคนร้ายได้ 1 คดี ที่ จ.ระยอง โดย ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ดูแลรักษาความปลอดภัย และหมั่นดูแลตรวจตราร้านทองทุกพื้นที่อย่างเข้มงวด เพิ่มสายตรวจเข้าไปประสานผู้ประกอบการร้านทองให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด ปิดล็อกประตู และดูแลช่องทางการแจ้งเหตุ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่มีการประเมินและปรับแผนทุก 3 เดือน
ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ปล้นร้านทองย่านบางบอนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จะมีการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า คงไม่ถึงกับคาดโทษ แต่การทำงานต้องขอความร่วมกับผู้ประกอบการร้านทอง หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาว่าแผนที่วางไว้มีความรัดกุมหรือไม่ บกพร่องตรงไหน โดยเฉพาะร้านทองที่อยู่ใกล้บริเวณห้างสรรพสินค้า ซึ่งการดูแลรักษาความปลอดภัยค่อนข้างยาก จึงต้องประสานความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจะต้องมีการทบทวน ปรับปรุงแผนรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง
วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.อ.บุญจันทร์ เวียงนนท์ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทอง ชื่อห้างทองเพชรทองใบ ภายในห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาบางบอน ถนนเอกชัย ปากซอยเอกชัย 67 แขวงและเขตบางบอน กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะพิญโญ รองผบช.น. พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ ผกก.สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.9 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่บนชั้น 2 ภายในร้านทอง พบ น.ส.สุพัตรา สีหมากสุข อายุ 25 ปี พนักงานขายทอง ยืนรอให้ปากคำอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ขายทองด้วยอาการตื่นตระหนก จากการสอบสวน น.ส.สุพัตรา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนอีก 2 คน กำลังช่วยกันจัดสินค้า เนื่องจากเพิ่งเปิดร้านได้เพียง 1 ชั่วโมง ระหว่างนั้นสังเกตเห็นชาย 1 คน ยืนอยู่หน้าร้าน ซึ่งตนไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย โดยชายดังกล่าวอายุประมาณ 40 ปี ผิวดำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีครีม นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว นอกจากนี้ ยังใส่หมวกแก๊ปสีน้ำตาล และสวมแว่นตา กับผ้าปิดจมูก เพื่ออำพรางใบหน้า มีกระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ จากนั้นชายคนดังกล่าวได้วิ่งเข้ามาในร้านพร้อมกับใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจ่อเข้ามาที่พวกตน และข่มขู่ให้ถอยออกไปและให้อยู่เฉยๆ
น.ส.สุพัตรา กล่าวอีกว่า จากนั้นคนร้ายได้วิ่งเข้ามาที่ตู้โชว์ทองด้านหลัง กวาดสร้อยข้อมือทองคำหนัก 2 บาท ไปจำนวน 10 เส้น มูลค่า 507,000 บาท ก่อนจะรีบวิ่งหลบหนีไป โดยคนร้ายได้วิ่งย้อนศรไปทางบันไดเลื่อนขาขึ้น พวกตนจึงตะโกนขอความช่วยเหลือให้ รปภ.สกัดจับคนร้าย ขณะที่ รปภ.พยายามวิ่งไล่สกัดจับอยู่นั้น คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงสวน จำนวน 1 นัด แต่กระสุนถูกกระจกประตูบานเลื่อนบริเวณทางออกลานจอดรถด้านหลังของห้างแตกกระจาย จนได้รับความเสียหาย 2 บาน ซึ่งโชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายทราบว่าสามารถขับขี่รถ จยย.หลบหนีไป
ด้าน พ.ต.อ.ชาญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในร้าน และภายในห้างทุกตัวแล้ว โดยเห็นภาพคนร้ายอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนลงมือพบว่าคนร้ายเดินขึ้นบันไดเลื่อนและเดินผ่านไปมาบริเวณหน้าร้าน เพื่อสำรวจดูลาดเลาตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.จากนั้นอีกประมาณ 30 นาที คนร้ายจึงก่อเหตุใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที อย่างไรก็ตาม มีพยานระบุว่า ยานพาหนะที่คนร้ายใช้เป็นรถ จยย.แบบผู้หญิง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีเทา หมายเลขทะเบียนจำได้แค่เลข 2 ตัวหลัง คือ 48 แต่ไม่ทราบหมวดอักษรและจังหวัด ซึ่งได้วิทยุแจ้งให้ตำรวจทุกท้องที่ช่วยทำการสกัดจับแล้วแต่ยังไร้วี่แวว ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายรายนี้ต้องเป็นคนในพื้นที่ และวางแผนก่อนลงมือมาเป็นอย่างดี ส่วนอาวุธปืนที่ใช้น่าจะเป็นปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เนื่องจากพบกระสุนปืนลูกปรายตกอยู่บริเวณประตูทางออกลานจอดรถด้านหลังห้าง โดยหลังจากนี้จะเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนให้เร่งรัดติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ผบ.ตร.สั่งทุกท้องที่ตรวจตราเข้มร้านทอง
ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดและอาชญากรรมสำคัญร่วมกับ บช.ภาค 1-9, ศชต., บช.ปส.และ ตชด.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นประธานในที่ประชุม ว่า ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับคดีปล้นทรัพย์ร้านทองเมื่อเดือนที่ผ่านมา มีทั้งหมด 5 คดี ซึ่งยังไม่ร่วมกับคดีที่ปล้นร้านทองที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของ สน.บางบอน ที่เพึ่งเกิดขึ้น โดยสามารถจับกุมคนร้ายได้ 1 คดี ที่ จ.ระยอง โดย ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ดูแลรักษาความปลอดภัย และหมั่นดูแลตรวจตราร้านทองทุกพื้นที่อย่างเข้มงวด เพิ่มสายตรวจเข้าไปประสานผู้ประกอบการร้านทองให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิด ปิดล็อกประตู และดูแลช่องทางการแจ้งเหตุ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่มีการประเมินและปรับแผนทุก 3 เดือน
ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ปล้นร้านทองย่านบางบอนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จะมีการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า คงไม่ถึงกับคาดโทษ แต่การทำงานต้องขอความร่วมกับผู้ประกอบการร้านทอง หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาว่าแผนที่วางไว้มีความรัดกุมหรือไม่ บกพร่องตรงไหน โดยเฉพาะร้านทองที่อยู่ใกล้บริเวณห้างสรรพสินค้า ซึ่งการดูแลรักษาความปลอดภัยค่อนข้างยาก จึงต้องประสานความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจะต้องมีการทบทวน ปรับปรุงแผนรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง