ถูกจับตามองและคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นข้าราชการประจำรายแรกที่ถูกพิษการเมืองเล่นงาน ภายหลังพลพรรครัฐบาล “ปูแดง”เข้ามาบริหารประเทศ ในส่วนของเก้าอี้แม่ทัพใหญ่สีกากี ของ “บิ๊กน้อย” พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ถึงแม้ก่อนโปรดเกล้าฯนายก 1 วัน "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ได้ตอบปฏิเสธถึงข่าวลือที่จะย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.พ้นเก้ากี้เจ้ากรมปทุมวันและตั้ง “บิ๊กอ๊อฟ”พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ มาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทนว่า ”ไม่เป็นความจริง วันนี้เรายังไม่ได้คุยรายละเอียดในส่วนของภาคราชการเลย”
สำหรับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ รอง ผบ.ตร.นั้น ไม่ได้จบจากรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เป็นนายร้อยตำรวจอบรม รุ่นที่ 16 (นรอ.16)และเป็นพี่ชายในไส้นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร" อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกและผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง ซึ่งหลังพรรคเพื่อไทยประกาศชัยชนะการเลือกตั้งที่ผ่านมาชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็ถูกวางไว้เป็น ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.วิเชียร ทันที
แต่ก็มีเสียงทักท้วงจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยว่าหากรีบแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็จะถูกครหาว่าการเมืองเข้าแทรกแซงข้าราชการประจำ และการดันทุรังตั้งญาติโกโหติกานายใหญ่เป็น ผบ.ตร. จะส่งผลกระทบในวงกว้างได้ เพราะ ”บิ๊กน้อย” ได้รับการยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชาและข้าราชการระดับสูงหน่วยอื่นๆ นอกจากนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ก็ได้รับความเอ็นดูและรักใคร่จากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและที่สำคัญเป็น ผบ.ตร.ที่โปร่งใส ปราศจากบาดแผลใดให้ศรัตรูเฆี่ยนตี
เมื่อได้ฟังเหตุ ฟังผล ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเปลี่ยนเกมส์ โดยคิดจะโยกให้พี่ภรรยามานั่งเก้าอี้ รอง นายกฯดูแลความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุม ผบ.ตร.อีกที ซึ่งคล้ายกับสมัย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่เดินถือความอาวุโสเข้าไปขอ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และถูก พ.ต.ท.ทักษิณ แก้เผ็ดโดยการให้ พล.ต.อ.ชิดชัย นั่งรองนายกฯ ควบคุมสำนักงานตำรวจอีกที
แต่มีหรือคนที่สู้เพื่อเก้าอี้ตัวนี้มาหลายปีอย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จะยอมสิโรราบง่ายๆ แม้ตำแหน่งรอง นายกฯคุม ผบ.ตร.จะดูเข้มขลังกว่า แต่ศักดิ์และศรี ผิดกันลิบลับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จึงตอบปฏิเสธข้อเสนอน้องเขยจากดูไบไป
แต่ก็ต้องสู้กันหลายยก เพราะผลงานการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกช่วงการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมาก็การันตีถึงความสามารถและวิสัยทัศน์การบริหารงานของ พล.ต.อ.วิเชียร เป็นอย่างดี ยังไม่นับผลงานกวาดล้างยาเสพติดที่สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ๆได้หลายรายโดยไม่มีนโยบายฆ่าตัดตอนให้กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนประณามได้ รวมทั้งความเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่า ผบ.ตร.หลายๆคนที่ผ่านมา เห็นได้จากการลงไปเยี่ยมลูกน้องใน 3 จังหวัดภาคใต้อยู่สม่ำเสมอ
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่เป็นกลไกของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม ผมเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา คงไม่มีหน้าที่จะพูดคุยหรือเรียกร้องอะไรจากรัฐบาล พร้อมที่จะทำตามนโยบายรัฐบาลถ้าเห็นว่าเหมาะสมเท่านั้น ตอนนี้จะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายและจำเป็นต้องทำต่อไป” พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวสั้นๆแบบไม่ยึดติดอำนาจวาสนา ภายหลังถูกนักข่าวถามถึงกระแสข่าวที่จะโดนย้าย
แต่กับอีกคนกลับเป็นตรงข้าม เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวานเสมอ และถ้าจำกันได้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ คนนี้ได้ถูกวางตัวรอนั่งเก้าอี้ตัวนี้มานาน โดยในยุครัฐบาลทักษิณ เขาถูกมอบหมายให้ร่วมปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายทำสงครามกับยาเสพติด และที่มาของคำครหาถึงกรณีฆ่าตัดตอนกว่า 2,500 ศพ
จากนั้นเขาเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างมาก โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสเป็นอันดับ 5 ก้าวข้ามอาวุโสผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่น ๆ ที่มีอาวุโสสูงกว่าในขณะนั้น 4 คน คือ พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, พล.ต.ท.สุเทพ ธรรมรักษ์ และ พล.ต.ท.ณพัฒน์ ศรีหิรัญ โดยได้ยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งทำให้ได้รับการวิพากวิจารณ์อย่างหนักถึงการเอื้อประโยชน์ให้วงศ์วานว่านเครือของรัฐบาลทักษิณ
แต่แล้ว พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็ฝันสลายในคืนรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เขาถูกเด้งเข้ากรุไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านความมั่นคง ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551 รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง และเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุด เนื่องจากศาลปกครองตัดสินให้นับอาวุโสตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่งครั้งแรก ทำให้เป็นผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แต่ เมื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัยร้ายแรงจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551
หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด รัฐบาลก็เปลี่ยนขั้ว พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคร่วมตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไว้วางใจแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็น รักษาการ ผบ.ตร.จากนั้นก็แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.วิเชียร เป็น ผบ.ตร.โดยเสนอเพียงรายชื่อเดียวให้ ก.ต.ช.พิจารณา นั่นเป็นสาเหตุให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ต้องเดินหน้าฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อศาลปกครองกรณีแต่งตั้งทั้ง พล.ต.อ.ปทีปและพล.ต.อ.วิเชียร โดยอ้างความอาวุโสที่ตัวเองก็เคยข้ามหัวคนอื่นมาถึง 4 คน
ซึ่งพอจะมองออกว่า คนอย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ นั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยากนั่งเก้าอี้แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน เพราะถือเป็นความฝันอันสูงสุดสำหรับเขา และเขายังคงมีความหวังกับเก้าอี้ตัวนี้อยู่ตราบที่ยังไม่ล่วงพ้นวันที่ 30 กันยายน 2555 ซึ่งเป็นวันรับราชการวันสุดท้ายของเขา
“ไม่มีและยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธเมื่อถูกสื่อถามว่าจะแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ เป็น ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.วิเชียร หรือไม่ เมื่อถูกนักข่าวถามย้ำว่า ผบ.ตร.คนปัจจุบันถือว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทำงานได้ดี ซึ่งตราบใดที่ทำงานด้วยกันได้และทำงานเป็นไปตามนโยบายก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ได้หมายว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะโยกย้ายใคร และไม่มีจะไม่มีการล้างบางแน่นอน
นั่นคือคำสัญญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคอยจับตาดูกันว่า พล.ต.อ.วิเชียร จะถูกเด้งเข้ากรุ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จะขึ้นนั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่ฝันใฝ่ได้หรือไม่ และหากการณ์กลับเป็นไปตามความประสงค์ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ แล้วนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย จะต้องตอบคำถามข้าราชการตำรวจ 2 แสนกว่านาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และประชาชนทั้งประเทศให้ได้ว่า “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” บกพร่องในหน้าที่หรือมีความผิดอะไร?
ถึงแม้ก่อนโปรดเกล้าฯนายก 1 วัน "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ได้ตอบปฏิเสธถึงข่าวลือที่จะย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.พ้นเก้ากี้เจ้ากรมปทุมวันและตั้ง “บิ๊กอ๊อฟ”พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ มาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทนว่า ”ไม่เป็นความจริง วันนี้เรายังไม่ได้คุยรายละเอียดในส่วนของภาคราชการเลย”
สำหรับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ รอง ผบ.ตร.นั้น ไม่ได้จบจากรั้วโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เป็นนายร้อยตำรวจอบรม รุ่นที่ 16 (นรอ.16)และเป็นพี่ชายในไส้นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร" อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกและผู้จัดการรัฐบาลตัวจริงเสียงจริง ซึ่งหลังพรรคเพื่อไทยประกาศชัยชนะการเลือกตั้งที่ผ่านมาชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็ถูกวางไว้เป็น ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.วิเชียร ทันที
แต่ก็มีเสียงทักท้วงจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยว่าหากรีบแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็จะถูกครหาว่าการเมืองเข้าแทรกแซงข้าราชการประจำ และการดันทุรังตั้งญาติโกโหติกานายใหญ่เป็น ผบ.ตร. จะส่งผลกระทบในวงกว้างได้ เพราะ ”บิ๊กน้อย” ได้รับการยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชาและข้าราชการระดับสูงหน่วยอื่นๆ นอกจากนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ก็ได้รับความเอ็นดูและรักใคร่จากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและที่สำคัญเป็น ผบ.ตร.ที่โปร่งใส ปราศจากบาดแผลใดให้ศรัตรูเฆี่ยนตี
เมื่อได้ฟังเหตุ ฟังผล ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเปลี่ยนเกมส์ โดยคิดจะโยกให้พี่ภรรยามานั่งเก้าอี้ รอง นายกฯดูแลความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุม ผบ.ตร.อีกที ซึ่งคล้ายกับสมัย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่เดินถือความอาวุโสเข้าไปขอ พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และถูก พ.ต.ท.ทักษิณ แก้เผ็ดโดยการให้ พล.ต.อ.ชิดชัย นั่งรองนายกฯ ควบคุมสำนักงานตำรวจอีกที
แต่มีหรือคนที่สู้เพื่อเก้าอี้ตัวนี้มาหลายปีอย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จะยอมสิโรราบง่ายๆ แม้ตำแหน่งรอง นายกฯคุม ผบ.ตร.จะดูเข้มขลังกว่า แต่ศักดิ์และศรี ผิดกันลิบลับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จึงตอบปฏิเสธข้อเสนอน้องเขยจากดูไบไป
แต่ก็ต้องสู้กันหลายยก เพราะผลงานการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกช่วงการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมาก็การันตีถึงความสามารถและวิสัยทัศน์การบริหารงานของ พล.ต.อ.วิเชียร เป็นอย่างดี ยังไม่นับผลงานกวาดล้างยาเสพติดที่สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ๆได้หลายรายโดยไม่มีนโยบายฆ่าตัดตอนให้กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนประณามได้ รวมทั้งความเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่า ผบ.ตร.หลายๆคนที่ผ่านมา เห็นได้จากการลงไปเยี่ยมลูกน้องใน 3 จังหวัดภาคใต้อยู่สม่ำเสมอ
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่เป็นกลไกของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม ผมเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา คงไม่มีหน้าที่จะพูดคุยหรือเรียกร้องอะไรจากรัฐบาล พร้อมที่จะทำตามนโยบายรัฐบาลถ้าเห็นว่าเหมาะสมเท่านั้น ตอนนี้จะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายและจำเป็นต้องทำต่อไป” พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวสั้นๆแบบไม่ยึดติดอำนาจวาสนา ภายหลังถูกนักข่าวถามถึงกระแสข่าวที่จะโดนย้าย
แต่กับอีกคนกลับเป็นตรงข้าม เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวานเสมอ และถ้าจำกันได้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ คนนี้ได้ถูกวางตัวรอนั่งเก้าอี้ตัวนี้มานาน โดยในยุครัฐบาลทักษิณ เขาถูกมอบหมายให้ร่วมปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายทำสงครามกับยาเสพติด และที่มาของคำครหาถึงกรณีฆ่าตัดตอนกว่า 2,500 ศพ
จากนั้นเขาเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างมาก โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสเป็นอันดับ 5 ก้าวข้ามอาวุโสผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่น ๆ ที่มีอาวุโสสูงกว่าในขณะนั้น 4 คน คือ พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, พล.ต.ท.สุเทพ ธรรมรักษ์ และ พล.ต.ท.ณพัฒน์ ศรีหิรัญ โดยได้ยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งทำให้ได้รับการวิพากวิจารณ์อย่างหนักถึงการเอื้อประโยชน์ให้วงศ์วานว่านเครือของรัฐบาลทักษิณ
แต่แล้ว พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็ฝันสลายในคืนรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เขาถูกเด้งเข้ากรุไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านความมั่นคง ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551 รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง และเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุด เนื่องจากศาลปกครองตัดสินให้นับอาวุโสตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่งครั้งแรก ทำให้เป็นผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แต่ เมื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีอาญาและวินัยร้ายแรงจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551
หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด รัฐบาลก็เปลี่ยนขั้ว พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคร่วมตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไว้วางใจแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็น รักษาการ ผบ.ตร.จากนั้นก็แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.วิเชียร เป็น ผบ.ตร.โดยเสนอเพียงรายชื่อเดียวให้ ก.ต.ช.พิจารณา นั่นเป็นสาเหตุให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ต้องเดินหน้าฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อศาลปกครองกรณีแต่งตั้งทั้ง พล.ต.อ.ปทีปและพล.ต.อ.วิเชียร โดยอ้างความอาวุโสที่ตัวเองก็เคยข้ามหัวคนอื่นมาถึง 4 คน
ซึ่งพอจะมองออกว่า คนอย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ นั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยากนั่งเก้าอี้แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน เพราะถือเป็นความฝันอันสูงสุดสำหรับเขา และเขายังคงมีความหวังกับเก้าอี้ตัวนี้อยู่ตราบที่ยังไม่ล่วงพ้นวันที่ 30 กันยายน 2555 ซึ่งเป็นวันรับราชการวันสุดท้ายของเขา
“ไม่มีและยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธเมื่อถูกสื่อถามว่าจะแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ เป็น ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.วิเชียร หรือไม่ เมื่อถูกนักข่าวถามย้ำว่า ผบ.ตร.คนปัจจุบันถือว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกท่านก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทำงานได้ดี ซึ่งตราบใดที่ทำงานด้วยกันได้และทำงานเป็นไปตามนโยบายก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ได้หมายว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะโยกย้ายใคร และไม่มีจะไม่มีการล้างบางแน่นอน
นั่นคือคำสัญญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคอยจับตาดูกันว่า พล.ต.อ.วิเชียร จะถูกเด้งเข้ากรุ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จะขึ้นนั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่ฝันใฝ่ได้หรือไม่ และหากการณ์กลับเป็นไปตามความประสงค์ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ แล้วนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย จะต้องตอบคำถามข้าราชการตำรวจ 2 แสนกว่านาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และประชาชนทั้งประเทศให้ได้ว่า “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” บกพร่องในหน้าที่หรือมีความผิดอะไร?
