xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยหลังเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดย เสนาคาม

หลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคมนี้แล้ว บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร? ใคร...พรรคไหน.. จะมาเป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรี นำพาสังคมไทยออกจากหล่มวิกฤติ ที่จมปลักอยู่กับความขัดแย้งมานาน

ข้อสงสัยต่างๆ เหล่านี้ กำลังเป็นคำถามยอดฮิตแทบจะในทุกวงสนทนาก็ว่าได้ ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างก็เป็นห่วงเป็นใย วิตกต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ดำเนินไปในท่ามกลางความขัดแย้งของสังคม!!!

แต่เอาเถอะ...มาถึงวันนี้แล้ว โปรดอย่าได้สงสัยกันอีกเลย เพราะอย่างแรก.. ต้องมีการเลือกตั้งแน่ๆ และประการต่อมา.. หลังเลือกตั้ง ก็ต้องมีรัฐบาลมาบริหารประเทศชัวร์อีกเหมือนกัน ส่วนจะเป็นใคร...พรรคไหน..อายุจะยืนยาวขนาดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับที่มา องค์ประกอบ และการยอมรับจากประชาชนเป็นสำคัญ

กล่าวสำหรับรัฐบาลคงมีหลายสูตร จาก 2 ขั้วใหญ่ คือ ขั้วประชาธิปัตย์ กับขั้วเพื่อไทย หรือในบางกระแสบอกว่า อย่ามองข้ามอาจจะมีสูตร “ไร้ขั้ว” นั่นคือ ทุกพรรคเป็นรัฐบาลหมด! ส่วนจะเรียกว่าเป็นสูตรปรองดอง สูตรสมานฉันท์ หรือรัฐบาลแห่งชาติ ก็สุดแท้แต่จะเรียก

เริ่มจากสูตรชีวิตจริงกันก่อน..ก็ดังที่หลายคนได้วิเคราะห์กันไปแล้วนั่นแหละว่า งานนี้หากพรรคเพื่อไทย ที่มาแรงสุดๆ ในเวลานี้ได้เสียงไม่เกินครึ่ง หรือ 250 อัพ โอกาสที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น แทบจะเรียกได้ว่าริบหรี่! แต่หากได้เสียงเกินครึ่ง และไม่ถูก กกต.สอยร่วงเสียก่อน ก็ย่อมมีโอกาสสูง ส่วนจะเลือกเอาใครมาเป็นใบเฟิร์นประดับแจกันกี่พรรค หรือจะกวักมือเรียกมาเป็นรัฐบาลกันทุกพรรค ก็สุดแท้แต่

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ งานนี้แม้จะพร่ำบอกเช้าเย็นว่า คะแนนยังสูสีกับเพื่อไทยก็ตาม แต่เที่ยวนี้ถ้ารวมกับพรรคภูมิใจไทยแล้วได้ไม่ถึงครึ่ง โอกาสที่จะเกี่ยวก้อยกันเป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นไปได้สูง...ยิ่ง”บรรหาร ศิลปอาชา” ออกปากบอกเบื่อหน่าย ไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่รักษาคำพูดด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดว่า “มังกรเติ้ง”จะเลือกอยู่กับข้างไหน!

ส่วนสูตรพิเศษ! ย้ำว่าต้องแบบพิเศษจริงๆ คือ 2 พรรคใหญ่ “ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย” จับมือกันตั้งรัฐบาล เป็นน้ำปู๋ผสมน้ำบูดู หรืออย่างที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เรียกว่า “ปูผัดไข่ชั่งกิโล” นั่นแหล่ะ! ซึ่งสูตรนี้ว่ากันถึงขนาดมีคนกลางบินไปเจรจาความกันที่ต่างประเทศมาแล้ว ส่วนจะเที่ยวเดียวกันกับ”ปฏิญญาดูไบ”หรือเปล่านั้นไม่รู้!

และสุดท้ายคือ สูตรปรองดอง! ดังทีว่าไว้ในตอนต้น เพียงแต่ว่าไม่ใช่เป็นการกวักมือเรียกจากเพื่อไทย แต่เป็นการบรรจงปรุงสูตรจากพ่อครัวที่สวมรองเท้าบูท...ประมาณนั้น!!

ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามา ก็ด้วยเหตุผลเพื่อให้บ้านเมืองขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ โดยให้ทุกคนทุกฝ่ายได้มีที่ยืน และหันหน้าเข้าหากัน เรียกความเป็นสยามเมืองยิ้มที่หายไปนานกลับมา นำพาสังคมชาติออกจากวิกฤติ!

แต่ในทางกลับกัน หากไม่ลงตัว และไม่สามารถรอมชอมกันได้... ประเทศไทย ก็เสี่ยงที่จะเข้าสู่วิกฤตซ้ำอีกหน ส่วนจะช้า หรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งบางคนบอกว่า เร็วสุดไม่เกิน 3 เดือน คงได้เห็นอะไรเกิดขึ้นอีก หากมีความไม่ลงตัวเกิดขึ้น แต่หากประคับประคองกันไปได้ รัฐบาลชุดใหม่อาจจะมีอายุไปถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า หรือมากกว่านั้น หากคนบ้านเลขที่ 111 เห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องกลับเข้าสู่เวทีการเมือง หลังได้รับการปลดปล่อย

นี่คือ ภาพการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ใครต่อใคร รวมทั้ง นักการทูต นักลงทุนชาวต่างชาติ ต่างเฝ้าติดตาม และจับตามอง ด้วยกริ่งเกรงว่า”ความวุ่นวาย”จะหวลกลับคืนมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง

โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ที่กำลังวิตกกับกระแสการชะลอตัวอีกครั้งของเศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจากยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้น จีน ก็เริ่มจะมีปัญหา วิกฤติในกรีซ ก็ส่อเค้าจะลุกลามไปยังประเทศอื่น ขณะที่ยังมีปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง และในแอฟฟริกาบางประเทศ อีกด้วย ดังนั้น หากการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งยังไม่เข้าที่เข้าทาง ก็จะกลายเป็นแรงบวก ซ้ำเติมวิกฤติเพิ่มขึ้นอีก

สุดท้าย การเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง วันที่ 3 กรกฎาคม จะเดินไปทางไหน อย่างน้อยเชื่อว่า คงไม่มีใครอยากเห็นการเผาเมืองรอบ 3 เกิดขึ้นอีกครับ.
กำลังโหลดความคิดเห็น