“ชุมพล” รับลูก “บรรหาร” ผู้หญิงเป็นนายกฯได้ ระบุไม่ต้องเก่งแต่ต้องมีทีมงานเจ๋ง ตั้งข้อสังเกตผู้นำประเทศไทยมักมีอันเป็นไปในระยะเวลาอันสั้น ขอบคุณ “เทพเทือก” ที่เชิญร่วมงาน ยันยังมีสัญญาประชาคมกับภูมิใจไทย ย้ำดันเดินหน้าแก้ รธน. 50 นิรโทษกรรม
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคชาติไทยพัฒนาลงสมัครรับเลือกตั้งว่า เราตั้งใจจะปักธงก็คงเป็นเขตๆ ไป แต่การส่งลงสมัครพื้นที่ กทม.ก็เพื่อต้องการนำนโยบายพรรคมาเผยแพร่ ทั้งคนใน กทม.และต่างจังหวัด การส่งผู้สมัครลงในพื้นที่ กทม.กว่า 25 เขตก็เพื่อให้คน กทม.ได้รับทราบว่าเวลานี้พรรคชาติไทยได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว และต้องการให้ทราบว่าจะเป็นการสานต่อนโยบายจากพรรคชาติไทยเดิม นโยบายใหม่ที่ชูก็คือ ความแตกแยกต้องไม่เกิด
“การปรองดองแห่งชาติมันต้องมีในสภาพการเมืองที่แตกแยก ไม่สามัคคี ถือข้างกันอยู่ตลอดเวลา แบ่งสีกัน ความจำเป็นของสังคมไทยคือ การทำการเมืองให้นิ่ง เพราะการเมืองนำไปสู่การแตกแยก ตลอด 4-5 ปี การเมืองตกอยู่ในภาวะที่บอบช่ำมากไม่สามารถพัฒนาได้ อยู่ในภาวะจำยอม นักการเมืองไม่ได้รับความเป็นธรรม สาเหตุใหญ่มาจากรัฐธรรมนูญปี 50 พรรคจะดำเนินการหลังการเลือกตั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา การนิรโทษกรรม การคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม”
ส่วนที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าหากประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงบ้างก็เป็นเรื่องที่ดีนั้น นายชุมพลกล่าวว่า ใครเป็นก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าภายหลังการเลือกตั้งตัวเลขจะเป็นอย่างไร การตัดสินใจให้ผู้หญิงเป็นนายกฯได้ ไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปได้หมด เพราะคนที่เป็นนายกฯ เราอย่าไปคิดว่าต้องเก่งกว่า มีความรอบรู้ ไม่ใช่ สำคัญอยู่ที่ทีมงาน ถ้าเรามีทีมงานช่วยประคับประคองด้านเศรษฐกิจ การคลัง ด้านการศึกษา สังคม แรงงาน อุตสาหกรรม ด้านการต่างประเทศ ถ้าเรามีทีมงานที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพเพียงพอ ตนว่านายกฯไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งกาจมากมาย
“เพราะสังคมไทยค่อยข้างที่จะแปลกคือ มักจะลงเพราะสังคมตลอดมา มักจะอยู่ไม่ค่อยยื้อ จะเป็นอาถรรพ์อะไรก็ไม่รู้ นายกรัฐมนตรี ผู้นำของประเทศไทยทุกคนมักจะมีอันเป็นไปในระยะเวลาอันสั้นตลอดเวลา อยากให้ทุกคนอดทนหน่อย คนเป็นนายกฯต้องหาทีมงานที่แข็งแรง มีความจริงใจต่อผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และทุกสิ่งทุกอย่างจะลงตัว นายกฯหญิงถ้ามีทีมงานแข็งแกร่งก็ไปได้ ไม่จำเป็นเก่งกาจมากมาย ดังนั้นอยากไปหวังนายกฯเก่งทุกอย่างเป็นไปไม่ได้”
นายชุมพลกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็พูดคุยกันอยู่เรื่อย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ก็ประสานงานได้ด้วยดี เมื่อถามต่อว่า นายสุเทพระบุว่าไม่อยากให้พรรคชาติไทยพัฒนาไปเป็นตัวประกอบพรรคเพื่อไทย แต่อยากให้มาเป็นตัวหลักของพรรคประชาธิปัตย์ นายชุมพลกล่าวว่า ต้องขอบคุณนายสุเทพที่เชื้อเชิญอย่างนั้น
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยชูนโยบายการนิรโทษกรรม พรรคชาติไทยพัฒนาจะต้องเห็นด้วยหรือไม่ หากร่วมรัฐบาลกัน นายชุมพลกล่าวว่า ตอนนี้เรามีสัญญาประชาคมกับพรรคภูมิใจไทย คงต้องไปหารือร่วมกันก่อน ส่วนเรื่องนิรโทษกรรมเราต้องแบ่งความผิดเป็น 2 ส่วน คือ ความผิดทางการเมือง กับความผิดตามกระบวนการยุติธรรม การนิรโทษกรรมเราทำได้เฉพาะความผิดตามกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ความผิดทางการเมืองไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการนิรโทษกรรม แต่ต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะว่าเหตุความผิดทางการเมืองเหตุจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ส่วนความผิดทางกระบวนการยุติธรรม เช่น ปิดสนามบิน ปิดราชประสงค์ ปิดราชดำเนิน ความผิดต่างๆ เหล่านี้ และบางคนไม่รู้เรื่องถูกดำเนินคดีด้วย ถ้ากรณีอย่างนี้นิรโทษกรรมได้ ถ้านิโรโทษกรรมคนเหล่านี้เชื่อว่า จะทำให้เกิดการปรองดองได้มากที่สุด ส่วนใครจะรับได้ไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และทุกอย่างขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่
ส่วนเรื่องของนายกรัฐมนตรีปรองดองนั้น นายชุมพลกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญไม่มีนายกฯปรองดอง และรัฐบาลในสายตาตนต้องเป็นรัฐบาลผสม แน่นอน และจำนวนเสียงจะต้องเกิน 300 เสียงขึ้นไป ถ้าต่ำกว่านั้นรัฐบาลทำงานลำบาก ผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวตัดสินว่า พรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะได้เท่าไร ต้องดูที่ตรงนั้น ส่วนจะเป็นรัฐบาลทุกพรรค หรือรัฐบาลแห่งชาติ ตนว่าเลิกพูดดีกว่า เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าปรองดองแห่งชาติทำได้ อย่ายืนบนจุดที่ตัวเองได้เปรียบแล้วนิ่งเฉย อย่านี้ไม่ดี และบรรยากาศเลือกตั้งพยายามหาเสียงเป็นไปอย่างธรรมชาติ เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด เพื่อนำไปสู่การปรองดอง