“เทพไท” ชี้รัฐบาลพร้อมหารือกกต.ขยายวันเลือกตั้งหากเจออุปสรรค เย้ย “แม้ว” ออกอาการหวั่นไหว ไล่ต้อนลูกพรรคกลับรังเก็บทุกเม็ดหวังชนะเลือกตั้ง 270 เสียงแค่ปลุกขวัญ ยัน ปชป.จัดทัพไร้ปัญหา รอ กก.บห.ชี้ขาด 2 พ.ค.หนุน “เทพเทือก” จัดผู้สมัครตามความเหมาะสม
วันนี้ (29 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการยุบสภาว่าจะไม่มีการเลือกตั้งนั้นว่า ไม่ทราบสาเหตุและวัตถุประสงค์ของผู้ปล่อยข่าวนี้ว่าต้องการอะไร แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลยังยืนยันในจุดยืนเดิมว่าจะมีการทูลเกล้าพระราชกฤษฏีกายุบสภาในสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน และยังไม่เห็นเงื่อนไขหรือปัจจัยใดๆว่าหลังการยุบสภาแล้วจะไม่มีการเลือกตั้งตามที่มีกระแสข่าว เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ยังอยู่ในภาวะที่กกต.สามารถจัดการเลือกตั้งได้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็มีสัญญาณไปในทางที่ดี การออกมาปูดข่าวปฏิวัติของแกนนำนปช.ก็ได้รับการยืนยันจาก ผบ.ทบ.ว่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าจะมีการเคลื่อนไหวของแกนนำนปช.ออกมาป่วนบ้านเมืองอีก ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเหตุการณ์ชุมนุมในวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาก็ได้รับการปฏิเสธและต่อต้านจากสังคมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบ้านเมืองยังต้องใช้การเลือกตั้งเป็นทางออก จะไม่มีเรื่องมือที่มองไม่เห็น มือวิเศษที่จะมากดดันให้เกิดสูญญากาศเพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีพระราชทานมาตรา 7 เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ถ้ามีเหตุจำเป็นจริงที่ไม่สามารถมีการเลือกตั้งตามที่ประกาศไว้ในพระราชกฤษฏีกายุบสภาได้ รัฐบาลก็ยังมีทางออกโดยการหารือกับกกต.ในการขยายวันเลือกตั้งออกไปได้ จนกว่าสถานการณ์สามารถที่จะจัดการเลือกตั้งได้ด้วยความสงบเรียบร้อย
ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามส่งคนไปล็อบบี้ให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางกลุ่มกลับมาเข้าสังกัดพรรคเหมือนเดิมนายเทพไทกล่าวว่า เป็นการแสดงอาการหวั่นไหวต่อผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเกิดความแตกแยกในพรรคเพื่อไทย จะทำให้จำนวน ส.ส.ในพรรคลดน้อยลง จึงจำเป็นต้องตามง้อ ส.ส.ของพรรคที่เคยตัดหางปล่อยวัดไปแล้วกลับคืนมา แม้กระทั่งตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เอง พรรคเพื่อไทยก็ยังประกาศหาตัวผ่านสื่อให้มารายงานตัวก่อนยุบสภา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะเก็บทุกเม็ดรวบรวมส.ส.ทุกคนมาสังกัดเพื่อหวังความเป็นที่หนึ่งในการเลือกตั้งให้ได้ แต่เชื่อว่าความแตกแยกที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยยากที่จะประสานพฤติกรรมตบหัวแล้วลูบหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถทำให้ ส.ส.กลุ่มนายมิ่งขวัญทำใจเข้ามาร่วมพรรคได้ และหากนายมิ่งขวัญกลับเข้ามาสังกัดพรรคเพื่อไทยอีกก็ไม่รู้ว่าจะปั้นหน้าสู้กับสังคมอย่างไร เกรียรติและศักดิ์ศรีที่นายมิ่งขวัญเคยสะสมมาจนถึงปัจจุบันก็ล่มสลายไปในทันที
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ให้หลักประกันต่อที่ประชุมแกนนำเพื่อไทยว่าส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยจะมีที่นั่งเกินกว่า 60 ที่นั่งขึ้นไป และจะมีจำนวนที่นั่งรวมแล้ว270 ขึ้นไปว่า เป็นการประเมินตัวเลขในลักษณะปลุกขวัญกำลังใจของพรรคเพื่อไทยในยามที่สภาพภายในพรรคเกิดความแตกแยก จึงจำเป็นที่จะต้องปลุกขวัญกำลังใจเพื่อให้ ส.ส.ของพรรคยังคงอยู่กับพรรคต่อไป หากกระแสพรรคเพื่อไทยดีจริง พ.ต.ท.ทักษิณคงจะไม่เปลืองตัวให้บุคคลต่างๆตามล๊อบบี้อ้อนวอนที่จะออกจากพรรคกลับมาสังกัดพรรคอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่อยากให้สังคมไปเชื่อข่าวลือ ข่าวโคมลอย หรือการปั้นราคาตัวเลขที่นั่ง ส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ ถ้าดูผลการประเมินที่นั่งของส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆข ณะนี้ ถ้าเป็นจริงตามที่พรรคประเมิน สภาคงมีที่นั่ง ส.ส.ถึง 1,000 ที่นั่งไปแล้ว” นายเทพไทกล่าว
ส่วนการคัดเลือกผู้สมัครในพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ได้ผ่านการคัดเลือกในคณะกรรมการ2 ชุดแล้ว คือชุดคณะกรรมการอำนวยการที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นประธาน และคณะกรรมการสรรหาที่มีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคเป็นประธาน จะนำรายชื่อที่ผ่านการพิจารณา เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. เพื่อที่จะอนุมัติตัวผู้สมัครทั้งหมด และประกาศชื่อเพื่อให้ผู้สมัครของพรรคได้ลงพื้นที่เตรียมตัวรณรงค์หาเสียงต่อไป
สำหรับในเขตพื้นที่ทับซ้อนก็จะไม่มีปัญหาใดๆ คณะกรรมการบริหารพรรคก็ใช้วิธีการพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละบุคคลลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีหลักประกันว่าจะได้กลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้งหนึ่ง และหากในอนาคตกติกาการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไปคนเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะกลับไปลงในพื้นที่เดิมได้อีก เชื่อว่าในช่วงแรกๆ ก็อาจจะทำให้แต่ละคนมีความรู้สึกอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าเหตุและระยะเวลาก็คงจะทำให้เข้าใจในข้อจำกัดของพรรคได้ และเชื่อว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะยอมรับกติกาและมติของพรรคมิเช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่เป็นพรรคการเมืองที่เป็นอค์กรเข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้
