00...ย้อนกลับไป 22 ก.พ. 2554 คือ วันที่ศาลอาญา อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช.หลังพยานปากสำคัญ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ ที่ “นายอภิสิทธิ์” ตั้งมากับมือ ได้ขึ้นเบิกความยืนยันความดีของ 7 แกนนำต่อศาล ทำให้ศาลเกิดอารมณ์คล้อยตาม สั่งปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อหวังเห็นภาพการปรองดองของคนในชาติเกิดขึ้น
จากวันนั้นถึงวันนี้...วันที่พรรคการเมืองทุกพรรคกำลังหาเสียง และพูดถึงเรื่องปรองดอง โดยเฉพาะพรรคชาติไทยพัฒนา ของ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” ขณะที่การปรองดองจริงๆ ยังไม่เกิดขึ้น อีกทั้งหากดูความเคลื่อนไหวของเหล่าแกนนำที่ได้รับการปล่อยตัว ที่วันนี้เขายกฐานะตัวเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่เห็นว่าพวกเขาจะปรองดองอะไรเลย
ที่สำคัญบรรดาแนวร่วมคนเสื้อแดง ได้มีการเคลื่อนไหวเป็นขั้นเป็นตอน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์กันว่า หากมีการเลือกตั้งจบลงด้วยพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แต่กลับไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล วันนั้นสงครามกลางเมืองจะเกิดขึ้นเต็มรูปแบบหรือไม่
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สดๆ ร้อนๆ (23 มิ.ย.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เกิดอารมณ์ปรองดองเต็มเหนี่ยว พูดเสียงดังฟังชัดว่า หลังการเลือกตั้งจะเดินหน้าช่วยให้ “นายจตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำ นปช. และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ออกมาจากเรือนจำให้ได้ โดยเชื่อว่าหลังเลือกตั้ง นายจตุพรจะได้สิทธิ์เป็น ส.ส. ซึ่งจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองกลับคืนมา
00...ไปต่อกันที่ภาพความจริง 19 พฤษภาคม 2553 ได้เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง อันเป็นผลต่อเนื่องจากการชุมนุมของมวลชนคนเสื้อแดง ทำให้ประเทศไทยวันนั้น ได้รับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ผู้กระทำเกิดจากน้ำมือของคนไทย
วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ (รัฐบาลรักษาการ) และพรรคเพื่อไทย (ฝ่ายเสื้อแดง) ได้ออกมายืนยันในข้อเท็จจริงที่ต่างกัน โดยที่ฝ่ายแรกยืนยันว่า คนเสื้อแดงคือผู้เผาเมือง ขณะที่ฝ่ายหลังยืนยันว่าเกิดจากน้ำมือของรัฐบาลที่กระทำและโยนความผิดให้กับคนเสื้อแดง
แต่สำหรับความจริงประเทศไทยวันนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งรัฐบาล “มาร์ค” และฝ่ายคนเสื้อแดง ถือว่าผิดด้วยกันทั้งคู่
ความผิดของรัฐบาล “มาร์ค” คือ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ชุมนุมในครั้งนั้นจะต้องนำไปสู่ความรุนแรง แต่ด้วยความไร้ศักยภาพในการบริหารความขัดแย้งของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในบทบาทผู้นำ ที่เขาไม่กล้าตัดสินใจ แต่กลับปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย จนนำไปสู่ความรุนแรงเผาบ้านเผาเมือง เพราะฉะนั้น นายอภิสิทธิ์จะพูดว่าเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองไม่ใช่ความผิดของตน คงฟังไม่ขึ้น!
ส่วนฝ่ายเสื้อแดง แน่นอน ถือว่าเป็นฝ่ายผู้กระทำ ฝ่ายก่อการ ด้วยการชุมนุมโดยมีกองกำลังติดอาวุธ แกนนำหลายต่อหลายคน ได้ป่าวประกาศเป็นขั้นเป็นตอนว่าหากมีการสลายการชุมนุม หรือแกนนำถูกจับกุม วันใดวันนั้น ไฟจะลุกท่วมทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะหัวหน้าม็อบที่ชื่อ “ผีทักษิณ ชินวัตร” ถึงขั้นโผล่หัวประกาศสั่งระดมผู้คนให้ไปพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อหวังทำลายสถานที่ราชการให้ย่อยยับ!
ดังนั้น การใช้พื้นที่ราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่สัญลักษณ์แห่งความขัดแย้ง ในการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับคะแนนเสียงจากคนกรุงเทพเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ หรือ จะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่กับคนเสื้อแดง หลังวันเลือกตั้ง มีคำตอบ