ผู้อพยพชาวปากีสถาน 96 ราย ซาบซึ้งตื้นตันใจได้พบเจอหน้าครอบครัว หลังองค์กรสิทธิมนุษยชนยื่นหลักทรัพย์เงินสดคนละ 5 หมื่น ขอประกันตัว ในคดีหลบหนีเข้าเมือง และถูกกักขังตั้งแต่เดือน ธ.ค.53 เบื้องต้น จนท.เตรียมจัดหาที่อยู่จัดฝึกวิชาชีพให้ ก่อนผลักดันไปสู่ประเทศที่ 3 เผย เป็นครั้งแรกที่ภาคประชาสังคมของไทยมีบทบาทและส่วนร่วมในการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัย
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายวีรวิชญ์ เธียรชัยนันท์ ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิไทยเพื่อคนมีปัญหาสิทธิและสถานะบุคคล นายอนูป สุกุมารัน ผู้ประสานงานเครือข่ายสิทธิเพื่อผู้ลี้ภัยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.ตม.เพื่อขอประกันตัวผู้ลี้ภัยชาวปากีสถานจำนวน 94 คน และผู้แสวงหาที่ลี้ภัย 2 คน ผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมืองในฐานะผู้ลี้ภัยซึ่งได้การรับรองสถานภาพผู้ลี้ภัยจาก UNHCR ตามหลักสากล ที่หนีจากการประหารในประเทศของตนเอง โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 50,000 บาท
นายวีรวิชญ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ลี้ภัยทั้ง 94 คนนั้น มีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี รวมอยู่ด้วยถึง 34 คน และเป็นเด็กทารก 1 คน ที่ถูกจับกุมได้ที่ชุมชนลี้ภัยแห่งหนึ่งใน กทม.หลังหลบหนีเข้าประเทศไทย และถูกกักขังตั้งแต่เดือน ธ.ค.53 โดยทั้งหมดนับถือนิกายอามาดี ซึ่งจะถูกประหารอย่างรุนแรงในระบบปากีสถาน ทางมูลนิธิได้ให้ความช่วยเหลือในด้านอิสรภาพ โดยใช้เงินกองทุนเพื่ออิสรภาพผู้ลี้ภัยเพื่อใช้ในการประกันตัวผู้ลี้ภัยที่ถูกกักขัง โดยผู้ลี้ภัยทั้งหมดจะต้องมารายงานตัวทุก 30 วัน โดยหลังจากนี้ ทางมูลนิธิจะจัดหาที่พักอาศัยให้ในย่านเพชรเกษม พร้อมทั้งจัดอบรมฝึกวิชาชีพเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ก่อนจะผลักดันส่งตัวไปยังประเทศที่ 3 ต่อไปซึ่งการปล่อยตัวดังกล่าวนับว่าเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้ลี้ภัยในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่ภาคประชาสังคมของไทยได้มีบทบาทเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยในประเทศไทยต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.วิบูลย์ กล่าวว่า หลังจากที่องค์กรสิทธิมนุษยชนได้ยื่นประกันตัวแล้วก็ได้อนุญาตให้ปล่อยตัวผู้อพยพทั้ง 96 คนไปชั่วคราว เบื้องต้นได้ประสานไปยังตำรวจท้องที่ให้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องที่พักอาศัยและเรื่องอื่นๆ ให้กับกลุ่มผู้ลี้ภัยทั้งหมด และการที่มูลนิธิได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวนับว่าเป็นเรื่องที่ดี อีกทั้งยังเป็นการลดภาระของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากสถานกักขังมีความแออัดเพราะมีผู้ต้องกักเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะปรับปรุงสถานกักขังเพื่อให้มีสุขอนามัยที่ดีขึ้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการช่วยเหลืออพยพผู้ลี้ภัยเป็นไปด้วยความตื้นตันใจ มีบรรดาญาติของผู้อพยพมาคอยให้การต้อนรับ บางรายเมื่อได้พบหน้าครอบครัวของตนเองถึงกับเข้าโผกอดและร้องไห้ด้วยความดีใจ โดยมีคณะเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิต่างๆและเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก ก่อนพาขึ้นรถบัสเพื่อส่งไปยังที่พักอาศัยต่อไป