ตาก - ผู้ว่าฯ ตาก ยัน ยังไม่มีคำสั่งปิดศูนย์อพยพชายแดนไทย-พม่า UNHCR เชื่อ ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 3 ปี แถมอาจผลักดันกลับไม่ได้ทั้งหมด
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณีมีข่าวจะปิดพื้นที่พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่า ที่ชายแดนไทย-พม่า ประกอบด้วย พื้นที่พักพิงบ้านแม่หละ อ.ท่าสองยาง-พื้นที่พักพิงบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ และพื้นที่พักพิงบ้านนุโพ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่า ยังไม่มีความชัดเจน แต่คาดว่าจะยังไม่เกิดในเวลานี้ และต้องใช้เวลาอีกหลายปี ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับบริหาร
ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR ประจำภาคสนามชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด แจ้งว่า ทาง UNHCR .ยังไม่ได้รับการประสานจากไทยในกรณีที่หน่วยงานของรัฐบาลไทยมีแผนที่จะปิดศูนย์อพยพชาวกะเหรี่ยงที่หนีภัยจากการสู้รบ ที่อาศัยอยู่ในชายแดนฝั่งไทยกว่า 70,000 คน ในพื้นที่ศูนย์อพยพ บ้านแม่หละ ตำบลแม่หละ อ.ท่าสองยาง , บ้านอุ้มเปี้ยม ตำบลคีรีราษฎร์ และบ้านนุโพ ตำบลแม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก และเชื่อว่า หากปิดศูนย์อพยพ คงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกไม่น้อยกว่า 3 ปี และอาจจะยังไม่สามารถผลักดันกลับได้ทั้งหมด
แต่ยอมรับว่า ผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงในพื้นที่จังหวัดตากนั้น ได้อาศัยอยู่มานานถึง 20 ปี และจำนวนประชากรในศูนย์อพยพก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่าง แม้ว่าจะมีการส่งไปประเทศที่ 3 อย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการดูแลผู้อพยพในพื้นที่พักพิงที่ชายแดนตากนั้น ทาง UNHCR และองค์กรที่ดูแลผู้อพยพ ได้ให้ช่วยเหลือ เรื่องอาหาร, เครื่องนุ่งห่ม ส่วนองค์กรพัฒนาเอกชนอื่นๆดูแลเรื่องการศึกษา สาธารณสุข ทางด้านฝ่ายไทยนั้นให้พื้นที่พักพิง และดูแลรักษาความปลอดภัย
ส่วนผู้ลี้ภัยด้านจังหวัดตากทั้งหมดนั้น มีทั้งหนีภัยสงครามจากการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่า กับ ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง และมีบางส่วนผู้ลี้ภัยทางการเมือง หรือนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยหรือ อดีต ส.ส.ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า
นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณีมีข่าวจะปิดพื้นที่พักพิงผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่า ที่ชายแดนไทย-พม่า ประกอบด้วย พื้นที่พักพิงบ้านแม่หละ อ.ท่าสองยาง-พื้นที่พักพิงบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ และพื้นที่พักพิงบ้านนุโพ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่า ยังไม่มีความชัดเจน แต่คาดว่าจะยังไม่เกิดในเวลานี้ และต้องใช้เวลาอีกหลายปี ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับบริหาร
ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ UNHCR ประจำภาคสนามชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด แจ้งว่า ทาง UNHCR .ยังไม่ได้รับการประสานจากไทยในกรณีที่หน่วยงานของรัฐบาลไทยมีแผนที่จะปิดศูนย์อพยพชาวกะเหรี่ยงที่หนีภัยจากการสู้รบ ที่อาศัยอยู่ในชายแดนฝั่งไทยกว่า 70,000 คน ในพื้นที่ศูนย์อพยพ บ้านแม่หละ ตำบลแม่หละ อ.ท่าสองยาง , บ้านอุ้มเปี้ยม ตำบลคีรีราษฎร์ และบ้านนุโพ ตำบลแม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก และเชื่อว่า หากปิดศูนย์อพยพ คงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกไม่น้อยกว่า 3 ปี และอาจจะยังไม่สามารถผลักดันกลับได้ทั้งหมด
แต่ยอมรับว่า ผู้อพยพที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงในพื้นที่จังหวัดตากนั้น ได้อาศัยอยู่มานานถึง 20 ปี และจำนวนประชากรในศูนย์อพยพก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่าง แม้ว่าจะมีการส่งไปประเทศที่ 3 อย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการดูแลผู้อพยพในพื้นที่พักพิงที่ชายแดนตากนั้น ทาง UNHCR และองค์กรที่ดูแลผู้อพยพ ได้ให้ช่วยเหลือ เรื่องอาหาร, เครื่องนุ่งห่ม ส่วนองค์กรพัฒนาเอกชนอื่นๆดูแลเรื่องการศึกษา สาธารณสุข ทางด้านฝ่ายไทยนั้นให้พื้นที่พักพิง และดูแลรักษาความปลอดภัย
ส่วนผู้ลี้ภัยด้านจังหวัดตากทั้งหมดนั้น มีทั้งหนีภัยสงครามจากการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลพม่า กับ ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง และมีบางส่วนผู้ลี้ภัยทางการเมือง หรือนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยหรือ อดีต ส.ส.ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า
