ศรส.ลต.ตร.ปรับแผนดูการชุมนุมรักษาความปลอดภัย พธม.จัดสายตรวจเดินเท้า และจุดตรวจมากขึ้น เผย ระเบิด 82-2 เคยใช้ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้งใน กทม.เตรียมหาความเชื่อมโยง เชื่อ แค่ก่อกวน ไม่โยงการเมือง พร้อมสั่งเพิ่มนครสวรรค์-เชียงราย อีก 2 จังหวัด เสี่ยงรุนแรง รวม 15 จังหวัด เตรียมกวาดล้างอาชญากรรมอาวุธสงครามพร้อมกัน ขณะที่การร้องเรียนตร.พบไม่เป็นกลางอีก 2 ราย ในบุรีรัมย์และยโสธร ให้ออกนอกพื้นที่ตั้งกรรมการสอบ ส่วน ผกก.สภ.บึงกาฬ ที่ถูกร้อง ศรส.ลต.ตร.จะสรุปพรุ่งนี้
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ10 ในฐานะผู้กำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง หรือ ศรต.ลต.ตร. กล่าวภายหลังประชุม ศรส.ลต.ตร.ว่า วันนี้ได้หารือกันถึงเรื่องการปรับแผนดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ พธม.หลังจากถูกคนร้ายปาระเบิดชนิด 82-2 ใส่หลังเวที พธม.สะพานมัฆวาน เมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยวันนี้ บช.น.เสนอปรับกำลังใหม่ เน้นให้มีจุดตรวจ สายตรวจเดินเท้ามากขึ้น โดยให้รายงานผลการปฎิบัติให้ ศรส.ลต.ตร. ทุกวัน เชื่อว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวถึงความคืบหน้าการหาตัวคนร้ายปาระเบิดใส่เวที พธม.ว่า ศูนย์บริหารเหตุการณ์ร้ายแรง ศบร.ตร.ว่า รายงานเหตุการณ์คนร้ายใช้ระเบิดชนิด 82-2 ก่อความวุ่นวายตามจุดต่างๆ ในเขต กทม.มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรก 4 ส.ค.2553 ท้องที่ สน.พญาไท ครั้งที่ 2 วันที่ 9 พ.ค.2553 ที่บ้านพัก กกต.ท้องที่ สน.ประชาชื่น ครั้งที่ 3 ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนว่า เหตุการณ์ทั้ง 3 ครั้ง มีความเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ปาระเบิดใส่เวที พธม.หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ประเด็นของการก่อเหตุไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์การเมืองการหาเสียงเลือกตั้ง และหวังประทุษร้ายผู้ใด แต่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้น ซึ่งขณะนี้เราทราบชนิดของระเบิด และเชื่อว่า จะสามารถทราบชนิดของรถจยย.และสามารถสเกตช์ภาพคนร้ายได้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวถึงการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง ว่า ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนตำรวจชั้นประทวน 2 นาย จาก จ.บุรีรัมย์ และ จ.ยโสธร มีพฤติกรรมติดตามผู้สมัครในการหาเสียง เอื้อประโยชน์ ช่วยเหลือดูแลเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเบื้องต้นทางต้นสังกัดจะดำเนินการทางการปกครองก่อน คือ ย้ายออกนอกพื้นที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนกรณีของการร้องเรียน ผกก.สภ.บึงกาฬ วางตัวไม่เป็นกลาง ขณะนี้ ทางพล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ได้รับผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจาก บช.ภ. 4 แล้ว โดยจะมีการสรุปผลการสอบสวนรายงานต่อ ศรส.ลต. ตร.ในวันพรุ่งนี้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โดย ศรส.ลต.ตร.มีความเห็นให้เพิ่ม จ.นครสวรรค์ และ จ.เชียงราย เป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังมีเหตุรุนแรงการเลือกตั้ง เนื่องจาก 2 จังหวัดดังกล่าว มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนรับจ้าง ซึ่งรวมเป็น 15 จังหวัดแล้วที่ ศรส.ลต.ตร.ระบุให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเกิดเหตุรุนแรง และมีตำรวจส่วนกลางลงพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยร่วมกับตำรวจท้องที่แล้ว และในเร็วๆ นี้ จะมีการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืนสงครามทั้ง 15 จังหวัด
“ตำรวจเองมีการระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงในการเลือกตั้ง การระบุจังหวัดขึ้น อาจกระทบกับกลุ่มหรือบุคคลหลายส่วน แต่เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะ ศรส.ลต.ตร.ไม่ต้องการรอให้เกิดความรุนแรงก่อน การกระทำดังกล่าวเป็นการป้องปราม” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบการทำลายป้ายหาเสียง 546 ป้าย เกิดเหตุในพื้นที่ บช.ภ.1 มากที่สุด จำนวน 193 ป้าย ตามด้วย บช.น.88 ป้าย ซึ่งตำรวจได้ประสานไปยังตัวแทนพรรค และผู้สมัครแล้ว แต่บางพรรค บางผู้สมัครก็ไม่สนใจเอาความ แต่ในส่วนของตำรวจต้องดำเนินการที่จะหาตัวผู้กระทำผิดเพราะการทำลายป้ายหาเสียงเป็นการกระทำที่ทำลายกระบวนการเลือกตั้ง ส่งผลให้ประชาชนเสียโอกาสที่จะได้เห็นนโยบายของพรรคนั้น ขณะนี้จับกุมผู้กระทำผิดได้ 2 รายแล้วโดยเป็นวัยรุ่นซึ่งจะขยายผลต่อไปว่า เป็นการกระทำด้วยความคึกคะนองหรือถูกว่าจ้างจากใคร ในส่วนของผู้สมัครที่ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยนั้น มีเพิ่มเติมมาทุกวัน ขณะนี้มีจำนวน 183 รายแล้ ซึ่งยังเป็นพื้นที่ บช.ภ.3 มากที่สุด ตามด้วย บช.ภ.1
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า วันนี้เวลา 15.00 น. จะมีการขนย้ายบัตรเลือกตั้งเป็นครั้งแรก จากบ.ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อนำส่งไปยังสถานกงสุลและสถานทูต ทั่วโลกเพื่อให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 12-26 มิ.ย.นี้ ซึ่งในระหว่างการขนย้ายจะมีตำรวจจาก บช.ก. บช.ส.และพื้นที่ ร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยในการขนส่งด้วย
