ASTVผู้จัดการรายวัน-“พงศพัศ” แถลงปิดศอ.รส. ไม่ต่อพ.ร.บ.ความมั่นคง หลังสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ แต่มอบงานให้ ศปก.บช.น. เดินหน้าวางกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของการชุมนุมแทน พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สมัครส.ส.ที่ถูกจ้องปองร้าย เผย มี 10 จังหวัดแข่งขันดุ ระบุจัดส่งเจ้าหน้าที่รปภ.เข้มแล้ว 4-5 จังหวัด ขณะที่นครบาลจับตากลุ่มมือปืนรับจ้างที่เคยถูกจับกุม และที่มีหมายจับ 13 คน หลังพบมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่กทม.
วานนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงว่า ตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในบางพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 105 วัน โดยวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายหลังจากมีการประชุม ศอ.รส. มีมติไม่ขอครม. ต่อพ.ร.บ.ความมั่นคง ไปอีก เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้เข้าสู่ความสงบ จึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งมั่นใจว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้กฎหมายปกติควบคุมสถานการณ์ได้
แม้ขณะนี้ยังมีการชุมนุมของบางกลุ่ม แต่ถือว่าสถานการณ์เบาบางลง อีกทั้งช่วงนี้เข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการใช้กฎหมายเลือกตั้ง โดยสามารถใช้ดูแลความสงบเรียบร้อยได้ คาดว่าไม่น่ามีเหตุรุนแรง แต่ทั้งนี้การปิดศอ.รส.ไม่ได้หมายความว่าภารกิจจะสิ้นสุดลง โดยงานในส่วนนี้จะมอบหมายให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นผู้ดูแลต่อ โดยเปิดเป็นศปก.บช.น.เพื่อประเมินสถานการณ์ วางกำลังในการดูแลสถานที่ บุคคลสำคัญ รวมทั้งติดตามด้านการข่าวความเคลื่อนไหวในการชุมนุมต่อไป
ส่วนการติดตามการปราศรัยหาเสียงจะใช้กฎหมายเลือกตั้งจัดชุดคอยติดตาม หากพบการกระทำผิด ตำรวจจะดำเนินการตามปกติ แต่หากพบเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษจะส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ
สำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งและการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครส.ส.นั้น พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นประธาน ได้มีการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวในพื้นที่ทุกวัน โดยขณะนี้มีข้อมูลระดับหนึ่ง ซึ่งในวันนี้มีการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต ก็จะให้ตำรวจที่ดูแลทุกส่วนลงพื้นที่ เพื่อประเมินความเข้มข้นในการแข่งขันในแต่ละพื้นที่
ทั้งนี้ ได้มอบหมายภารกิจหลักใน 2 ส่วน คือ ให้ติดตามว่าแต่ละพื้นที่มีการแข่งขันกันมากน้อยแค่ไหน อย่างไร และในแต่ละพื้นที่ต้องใช้กำลังหรือไม่ เท่าไร และให้ติดตามว่าผู้ลงสมัครเลือกตั้งถูกประทุษร้าย มีความรุนแรงหรือไม่ พร้อมประเมินว่าผู้ลงสมัคร ส.ส.อยู่ในอันตรายหรือไม่ หากพบว่ามีการถูกปองร้าย ทาง ตร. จะจัดเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่ผ่านการอบรมพิเศษไปดูแลทันทีโดยไม่ต้องร้องขอ หรือหากผู้สมัคร ส.ส.รายใดที่คิดว่าตนเองไม่ปลอดภัยสามารถขอกำลังตำรวจไปดูแลได้ โดยกำลังที่ใช้มีการผลัดเปลี่ยนตลอด ซึ่งจะไม่ใช้กำลังตำรวจที่ใกล้ชิดกับผู้ร้องขอ โดยผู้บังคับการจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลและอนุมัติกำลัง ซึ่งคาดว่ากำลังจะเพียงพอ เพราะได้เตรียมไว้ภาคละ 150 นาย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในการแข่งขันในแต่ละพื้นที่ จากการประเมินล่าสุด พบว่า จังหวัดที่มีสถานการณ์แข่งขันรุนแรงมีประมาณ 10 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีการจัดกำลังไปดูแลแล้วมี 4-5 จังหวัด คือ นครราชสีมา ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี และใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนอกจากผู้ลงสมัคร ทางตำรวจก็จะดูแลในหลายระดับ รวมทั้งหัวคะแนน หากคิดว่าต้องร้องขอความคุ้มครองก็จะส่งกำลังไปดูแลด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) เวลา 13.30 น. ศรส.ลต.ตร.จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้งก็มีการจัดกำลังไปดูแลอยู่แล้ว ยังไม่มีการร้องขออะไรเพิ่มเติม ซึ่งเพียงเน้นย้ำให้ดูแลป้ายหาเสียงที่ตอนนี้พบว่ามีการถูกทำลายไปจำนวนมาก และการจัดกำลังดูแลผู้ลงสมัคร ส.ส. ในการลงพื้นที่บางแห่งที่อาจมีผู้ประท้วงขับไล่
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งกำชับให้ทั่วประเทศ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดทำระบบบัญชีรายชื่อมือปืน และกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ช่วงการเลือกตั้งว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม พร้อมจับตาดูกลุ่มมือปืนรับจ้างที่เคยถูกจับกุม และออกมามีพฤติกรรมเดิม รวมถึงกลุ่มมือปืนที่มีหมายจับ รวม 13 คน ซึ่งทั้งหมดนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวแน่ชัดว่าเป็นบุคคลใด และพบอีกว่ามีความเคลื่อนไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่เบื้องต้นการข่าวไม่ได้ระบุว่าจะมีแนวโน้มที่จะมาก่อเหตุในช่วงการเลือกตั้งหรือไม่ และเพื่อความไม่ประมาท ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่จะต้องเฝ้าจับตาอีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่เคยก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืน แต่ไม่ใช่มือปืนรับจ้าง ซึ่งมีกว่า 100 คน เช่น บุคคลที่เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือขับรถปาดหน้ากัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแล เพื่อเฝ้าระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่จะเป็นพื้นที่ไหนนั้นขอไม่เปิดเผย และจากการข่าวจนถึงขณะนี้ ตนมองว่าไม่น่าจะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ของนครบาล
วานนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงว่า ตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในบางพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. จนถึงวันนี้ เป็นเวลา 105 วัน โดยวันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายหลังจากมีการประชุม ศอ.รส. มีมติไม่ขอครม. ต่อพ.ร.บ.ความมั่นคง ไปอีก เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้เข้าสู่ความสงบ จึงไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งมั่นใจว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้กฎหมายปกติควบคุมสถานการณ์ได้
แม้ขณะนี้ยังมีการชุมนุมของบางกลุ่ม แต่ถือว่าสถานการณ์เบาบางลง อีกทั้งช่วงนี้เข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการใช้กฎหมายเลือกตั้ง โดยสามารถใช้ดูแลความสงบเรียบร้อยได้ คาดว่าไม่น่ามีเหตุรุนแรง แต่ทั้งนี้การปิดศอ.รส.ไม่ได้หมายความว่าภารกิจจะสิ้นสุดลง โดยงานในส่วนนี้จะมอบหมายให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นผู้ดูแลต่อ โดยเปิดเป็นศปก.บช.น.เพื่อประเมินสถานการณ์ วางกำลังในการดูแลสถานที่ บุคคลสำคัญ รวมทั้งติดตามด้านการข่าวความเคลื่อนไหวในการชุมนุมต่อไป
ส่วนการติดตามการปราศรัยหาเสียงจะใช้กฎหมายเลือกตั้งจัดชุดคอยติดตาม หากพบการกระทำผิด ตำรวจจะดำเนินการตามปกติ แต่หากพบเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษจะส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ
สำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งและการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครส.ส.นั้น พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) ซึ่งมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นประธาน ได้มีการประชุมติดตามความเคลื่อนไหวในพื้นที่ทุกวัน โดยขณะนี้มีข้อมูลระดับหนึ่ง ซึ่งในวันนี้มีการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต ก็จะให้ตำรวจที่ดูแลทุกส่วนลงพื้นที่ เพื่อประเมินความเข้มข้นในการแข่งขันในแต่ละพื้นที่
ทั้งนี้ ได้มอบหมายภารกิจหลักใน 2 ส่วน คือ ให้ติดตามว่าแต่ละพื้นที่มีการแข่งขันกันมากน้อยแค่ไหน อย่างไร และในแต่ละพื้นที่ต้องใช้กำลังหรือไม่ เท่าไร และให้ติดตามว่าผู้ลงสมัครเลือกตั้งถูกประทุษร้าย มีความรุนแรงหรือไม่ พร้อมประเมินว่าผู้ลงสมัคร ส.ส.อยู่ในอันตรายหรือไม่ หากพบว่ามีการถูกปองร้าย ทาง ตร. จะจัดเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบที่ผ่านการอบรมพิเศษไปดูแลทันทีโดยไม่ต้องร้องขอ หรือหากผู้สมัคร ส.ส.รายใดที่คิดว่าตนเองไม่ปลอดภัยสามารถขอกำลังตำรวจไปดูแลได้ โดยกำลังที่ใช้มีการผลัดเปลี่ยนตลอด ซึ่งจะไม่ใช้กำลังตำรวจที่ใกล้ชิดกับผู้ร้องขอ โดยผู้บังคับการจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลและอนุมัติกำลัง ซึ่งคาดว่ากำลังจะเพียงพอ เพราะได้เตรียมไว้ภาคละ 150 นาย
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในการแข่งขันในแต่ละพื้นที่ จากการประเมินล่าสุด พบว่า จังหวัดที่มีสถานการณ์แข่งขันรุนแรงมีประมาณ 10 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีการจัดกำลังไปดูแลแล้วมี 4-5 จังหวัด คือ นครราชสีมา ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี และใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนอกจากผู้ลงสมัคร ทางตำรวจก็จะดูแลในหลายระดับ รวมทั้งหัวคะแนน หากคิดว่าต้องร้องขอความคุ้มครองก็จะส่งกำลังไปดูแลด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) เวลา 13.30 น. ศรส.ลต.ตร.จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้งก็มีการจัดกำลังไปดูแลอยู่แล้ว ยังไม่มีการร้องขออะไรเพิ่มเติม ซึ่งเพียงเน้นย้ำให้ดูแลป้ายหาเสียงที่ตอนนี้พบว่ามีการถูกทำลายไปจำนวนมาก และการจัดกำลังดูแลผู้ลงสมัคร ส.ส. ในการลงพื้นที่บางแห่งที่อาจมีผู้ประท้วงขับไล่
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งกำชับให้ทั่วประเทศ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดทำระบบบัญชีรายชื่อมือปืน และกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ช่วงการเลือกตั้งว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม พร้อมจับตาดูกลุ่มมือปืนรับจ้างที่เคยถูกจับกุม และออกมามีพฤติกรรมเดิม รวมถึงกลุ่มมือปืนที่มีหมายจับ รวม 13 คน ซึ่งทั้งหมดนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวแน่ชัดว่าเป็นบุคคลใด และพบอีกว่ามีความเคลื่อนไหวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่เบื้องต้นการข่าวไม่ได้ระบุว่าจะมีแนวโน้มที่จะมาก่อเหตุในช่วงการเลือกตั้งหรือไม่ และเพื่อความไม่ประมาท ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่จะต้องเฝ้าจับตาอีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่เคยก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืน แต่ไม่ใช่มือปืนรับจ้าง ซึ่งมีกว่า 100 คน เช่น บุคคลที่เคยก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือขับรถปาดหน้ากัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแล เพื่อเฝ้าระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่จะเป็นพื้นที่ไหนนั้นขอไม่เปิดเผย และจากการข่าวจนถึงขณะนี้ ตนมองว่าไม่น่าจะเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ของนครบาล
