ตร.ตั้งชุดไล่ล่า 75 มือปืนบัญชีดำ แนะให้มอบตัวหากไม่ยอมอาจจับตาย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส ระบุ 75 มือปืนไม่มีอดีตทหาร-ตำรวจ ทั้งหมดล้วนเป็นมือปืนรับจ้างอย่างแท้จริง โดยการกวาดล้างอาชญากรรมรอบ 2 จะเน้นจับมือปืน ส่วนเรื่องการทำร้ายป้ายพรรคหาเสียง ตร.พบมีทำลายป้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องคะแนนสงสาร หากพบจะจับดำเนินคดีและแจ้งให้ประชาชนทราบ ขณะที่คดียิงหัวคะแนน ปชป.ให้น้ำหนักประเด็นส่วนตัวหลังพบเป็นหมอทำเสน่ห์
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ 10 ในฐานะผู้กำกับดูแลศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) แถลงข่าวหลังการประชุมคอนเฟอเรนซ์กับ ผบช.ทุก บช.เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งว่า ทั้ง 75 มือปืนเป็นสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวมากที่สุดโดยเฉพาะก่อนถึงวันเลือกตั้ง กลุ่มแรก 29 คน มีหมายจับมากกว่า 2 หมายจับใช้อาวุธสงคราม ฆ่าคนตายมาหลายราย มีความเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ กลุ่มสอง 46 คน มีพฤติกรรมร้ายแรงเช่นกัน มีหมายจับน้อยกว่า มีความเคลื่อนไหวแวดวงจำกัดกว่า การเร่งรัดติดตามจับกุม เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันเหตุร้ายและการทำร้ายผู้สมัครในพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง เราได้ประเมินแล้วว่าความร้ายแรงอาจเกิดขึ้นได้ หากประชาชนพบเห็น รู้จักตัว คาดว่าจะใช่ให้แจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้านทันทีเพราะเราจะมีชุดปฏิบัติการของตำรวจภูธรจังหวัด ชุดปฏิบัติการตำรวจภาคต่างๆ รวมถึงของสอบสวนกลางสันติบาลที่ประกอบกำลังไล่ล่ามือปืนเหล่านี้โดยเฉพาะ หากมือปืนคนไหนรู้ตัวว่าไปไม่รอดก็ให้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะการตรวจสอบ การปิดล้อมตรวจค้น ไล่ล่า ผบ.ตร.ให้ออกมาตรการให้ตำรวจใช้การระมัดระวังป้องกันตนตนเองระดับสูงสุด ใช้อาวุธและเสื้อเกาะ ถ้าต่อสู้ไม่ยินยอมให้จับกุม อาจจะใช้ระดับเข้มข้นสูงสุดในการเอาตัวมา หากรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในประกาศสืบจับ อยากมอบตัวถ้าคิดว่ามอบตัวกับตำรวจภูธร พื้นที่แล้วไม่ปลอดภัย ตร.พร้อมที่จะรับมอบตัว ก่อนการเลือกตั้งเป็นโอกาสทองที่จะมอบตัว เราไม่ได้ขู่แต่ต้องทำให้เป็นรูปธรรมให้ประชาชนมั่นใจในการทำงาน
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า มือปืนทั้ง 75 คนคือคนที่เรามีเบาะแสข้อมูลใกล้ได้ตัวแล้ว หวังว่าชุดปฏิบัติการจะได้ตัวในเร็วๆนี้ ถ้าจะรีบมอบตัวเพื่อรักษาชีวิตก็รีบดำเนินการ ที่ต้องทำอย่างนี้เพื่อต้องการปกป้องชีวิตคนอื่นอาจเกิดจากการกระทำของท่าน และขอความร่วมมือประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส เชื่อว่ามือปืนแต่ละคนมีความเชื่อมโยงกันหมด คาดว่าถ้าได้เบาะแสคนใดคนหนึ่งก็จะได้เบาะแสคนอื่นๆ ที่เหลือ ตอนนี้มีประชาชนแจ้งเบาะแส และในนี้ไม่มีอดีตทหารหรือตำรวจ ทั้ง 75 คนนี้เป็นมือปืนรับจ้างอย่างแท้จริงฆ่าคนมาแล้วทั้งนั้น ส่วนที่เราเข้าใกล้มากที่สุดคือกลุ่มที่ 2 ซึ่งจะเชื่อมโยงไปในกลุ่มที่ 1 ซึ่งกลุ่มที่ 1 บางส่วนก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ตอนนี้ทุกด่านได้รับข้อมูลไปแล้วโปสเตอร์นี้ก็จะติดทุกด่าน ทุกชุมชน
“มือปีนที่อยู่ในบัญชีทำงานค่อนข้างอิสระ เมื่อมีคนมาจ้างก็ทำ ไม่มีนายโดยตรง แต่หลายกรณีเชื่อมโยงกันส่วนเงินนำจับจะให้กับคนแจ้งเบาะแส ส่วนตำรวจที่ทำงาน ผบ.ตร.ก็จะให้รางวัลอีกส่วนหนึ่ง สำหรับมือปืนที่ยิงนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยก็มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนี้ ถ้าสามารถจับกุมใครได้ในกลุ่มนี้ก็สามารถตรวจสอบได้เพราะคงมีข้อมูลข่าวสารเชื่อมโยงถึงกัน แต่ถึงตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลแต่ชัดว่าใครเป็นคนยิงนายประชา” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. เป็นต้นมา ก็ได้จับกุมอาวุธปืนธรรมดา 1,081 กระบอก ปืนสงคราม เอ็ม 16 อาก้า ไรเฟิล 16 กระบอก วัตถุระเบิด 10 ลูก เป็นผลการกวาดล้าง 15 วันที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาญากรรม ต่อเนื่องครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. - 13 มิ.ย. สำหรับการระดมกวาดล้างช่วงที่ 2 นี้ นอกจากเน้นติดตามจับกุมมือปืนทั้ง 75 คน และกวาดล้างอาวุธปืนอาวุธสงครามแล้วต่อเนื่องถึงการตั้งด่านตรวจค้นดูแลความปลอดภัยประชาชนในการไปฟังการปราศรัยหาเสียงเพราะล่าสุดภาค 5 มีการ กระทบกระทั่งกันระหว่างกองเชียร์ 2 ฝ่าย ส่วนการดูแลความปลอดภัยให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้นมีผู้สมัครรับการเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อร้องขอกำลังตำรวจไปดูแลทั่วประเทศ จำนวน 49 ราย จากทุกพรรค เป็นพรรค ปชป.และพรรค พท.มากที่สุด เราได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแล 49 นาย สับเปลี่ยนกำลังไปดูแลไม่อยู่ประจำ และแต่งเครื่องแบบเน้นการวางตัวเป็นกลาง โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น นครบาลจำนวน 5 นาย ภาค 2 จำนวน 9 นาย ภาค 3 จำนวน 11 นาย ภาค 5 จำนวน 12 นาย ภาค 6 จำนวน 3 นาย ภาค 7 จำนวน 8 นาย ภาค 8 จำนวน 1 นาย ส่วนในจ.นราธิวาสมีร้องขอมา 1 รายอยู่ระหว่างการพิจารณา และในวันพรุ่งนี้จะมีสัมมนาของตรงเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งที่ศูนย์ราชการโดย กกต.จะส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ ตำรวจทั่วประเทศจะสัมมนาร่วมกันตลอดทั้งวัน
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดเป้าหมายก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีจังหวัดที่เพิ่มเข้ามา และยังไม่มีการลดความเข้มข้นของทั้ง 10 จังหวัดลง เราก็จะต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป และก็ยังคงส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้าไปช่วยดูแลอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ผบ.ตรงเป็นห่วงเรื่องการใช้อาวุธสงครามมาข่มขู่ แต่การตั้งด่าน ไล่ล่ามือปืนรับจากที่เชื่อว่ามีการเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามากรถควบคุมสถานการณ์ได้ และยังไม่มี่ความเคลื่อนไหวของมือปืนรับจ้างจากพื้นทีหนึ่งไปพื้นที่หนึ่งเพื่อมาก่อเหตุยังไม่มี และยังไม่เข้ามาใน กทม.ถ้ามีก็จะอยู่รอยต่อชานเมืองกัน กทม.มากกว่า และจากการเฝ้าติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเคลื่อนไหวได้ลำบาก กำลังที่ใช้ไล่ล่ากลุ่มมือปืนนั้นของสอบสวนกลางจำนวน 150 นาย สันติบาลจังหวัดประกอบกำลังกับส่วนกลางซึ่งเน้นด้านการข่าวก็จำนวนใกล้เคียงกันแบ่งพื้นที่กันดูแล
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า เรื่องการทำลายป้ายหาเสียง วันนี้ก็ยังมีการทำลายป้ายหาเสียงเกิดขึ้นในบางจังหวัด จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนก็ใช้กลยุทธ์ในการเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชน แต่เราจะไม่ระบุว่าไปทำลายป้ายของตนเอง การทำลายป้ายหาเสียงผิดกฎหมายอาญา และอาจจะเข้าข่าย พ.ร.บ.เลือกตั้งมาตรา 53 ด้วย พนักงานสอบสวนจะสอบสวนถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง ว่าใครทำลาย กลั่นแกล้งกันหรือไม่ แต่ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ หากจับได้จะทำการสอบสวนขยายผลไปยังผู้บงการและรายงานให้กกต.รับทราบ เพื่อจะได้ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบและห้ามเป่าคดีโดยเด็ดขาด พร้อมมอบหมายให้สายตรวจทางหลวงไปช่วยดูแลด้วย และหากใครคิดทำลายป้ายหาเสียงตัวเอง เพื่อเรียกร้องความสนใจ ความสงสารจากประชาชน หากทางการสืบสวนพบว่ามีการทำลายป้ายหาเสียงตัวเองตำรวจจะดำเนินคดีถึงที่สุดและแจ้งให้ประชาชนรับทราบ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการปาระเบิดหัวคะแนน ปชป.ในเขตบึงกุ่ม เป็นแนวโน้มความรุนแรงใน กทม.หรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เรื่องนี้ทาง ผบ.ตร.ก็มีความกังวล ทาง บช.น.ก็รายงานที่มาที่ไปให้ทราบในบางส่วน ชุดของ บช.ก.ก็ลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน เพื่อนำมาเชื่อมโยงกัน ส่วนอาวุธที่คนร้ายนำมาใช้น่าจะอยู่ใน กทม.ไม่น่าจะนำมาจากข้างนอก ก็ให้ประเมินว่าเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ และประเด็นการเลือกตั้งก็ไม่ได้ตัดทิ้ง แต่จากการสอบปากคำผู้เสียหายระบุว่าไม่เคยเป็นหัวคะแนนให้พรรคไหน ไม่เคยหาเสียงให้ใคร มีอาชีพเป็นหมอทำเสน่ห์ให้กับเมียน้อยก็เป็นไปได้ว่าบรรดาเมียหลวงอาจไม่พอใจได้ ก็มีแนวโน้มเป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว
