“วิเชียร” เปิดบัญชีมือปืน 75 ราย ตั้งรางวัลนำจับ 5 หมื่น ถึง 1 แสน กำชับ ตร.วางตัวเป็นกลางช่วงเลือกตั้ง ห้ามเดินตามนักการเมือง หากพบถูกร้องสั่งเด้งทันที ระบุป้ายหาเสียงถูกทำลายให้ดำเนินคดีทุกพื้นที่
วันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ 10 ประชุมคอนเฟอเรนซ์กับ ผบช.ทุกกองบัญชาการ เพื่อมอบหมายนโยบายและติดตามความคืบหน้าการทำงานในการดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้มีการเร่งรัดเรื่องที่จะออกประกาศจับมือปืนที่มีการปรับปรุงข้อมูล และภาพมือปืนบางคน โดยมีทั้งหมด 75 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 29 ราย เป็นมือปืนที่มีความผิดร้ายแรง ก่อเหตุบ่อยและเคยก่อเหตุใน 10 จังหวัดที่เฝ้าระวังมีรางวัลนำจับ 1 แสนบาท กลุ่มที่ 2 จำนวน 46 รายเป็นมือปืนที่มีระดับความรุนแรงรองลงมา มีรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาท
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวอีกว่า อีกเรื่องเป็นการรักษาความปลอดภัยผู้สมัครที่มีการร้องขอกำลังเพื่อไปอารักขาเข้ามา ให้ดำเนินการให้เป็นระบบ โดยจะให้ตำรวจประทวน 1-2 คนไปสับเปลี่ยนดูแล พื้นที่ไหนที่มีการแข่งขันสูงมีความเป็นไปได้ที่จะรุนแรงก็จะเพิ่มจำนวนตำรวจเข้าไป อย่างกรณีนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกลอบยิงก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ และได้มีการกำชับเรื่องของการวางตัวเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปทำหน้าที่ หากถูกร้องเรียนว่าวางตัวไม่เป็นกลางหรือไปเดินตามนักการเมืองโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีหน้าที่ ไปช่วยหาเสียง ก็จะมีความผิดถูกส่งตัวไปช่วยราชการใน บก.หรือ ผช.แล้วแต่ความเหมาะสม และอาจจะถูกสืบสวนความผิดด้วย ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติไปดูแล ตอนนี้จังหวัดนครราชสีมามีผู้สมัคร ส.ส.ร้องขอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูมากที่สุดเนื่องจากเป็นพื้นที่มีการการแข่งขันสูง มีเขตเลือกตั้งหลายเขตผู้สมัครก็มีจำนวนมาก
“จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนถึงเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา แต่ก็ได้เน้นย้ำเรื่องการดูแลผู้สมัคร ส.ส.อย่างเสมอภาค อย่างกรณีมี ส.ส.บางท่านจะขอตำรวจคนนั้นคนนี้ไปดูแลเป็นพิเศษแบบระบุตัว ก็ต้องชี้แจงว่าต้องดูแลอย่างเสมอภาค ตำรวจจะต้องเป็นคนจัดไปให้เท่านั้น และไม่หนักใจในการทำงาน ผมย้ำกับลูกน้องเสมอว่าท่ามกลางความขัดแย้งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ให้ดีบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกับทุกคน ถ้าไม่มีคนคุมกติกาให้เสมอภาค ความปรองดองก็เกิดขึ้นไม่ได้” ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า เรื่องการทำลายป้ายหาเสียงผิดกฎหมายอาญา ข้อหาทำให้เสียทรัพย์มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ พนักงานสอบสวนต้องดำเนินคดีโดยไม่ต้องมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเอง และกำชับให้ทุกพื้นที่เข้าไปดูแลเรื่องการทำลายป้ายหาเสียงไม่ให้เกิดขึ้น หากปล่อยปละละเลยให้ต่างฝ่ายต่างกลั่นแกล้งกันจะทำให้เรื่องบานปลายได้ และหากมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษว่าถูกทำลายป้ายหาเสียงแต่พนักงายสอบสวนไม่ทำคดีถือว่ามีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่บังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งหากพบมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรมให้ดำเนินการทันที และแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบทันที
“สำหรับการทำลายป้ายหาเสียงเมื่อวานมี 8 จังหวัด วันนี้เพิ่มอีก 1 จังหวัด คือ จ.ลพบุรี มีป้ายถูกทำลายไป 3 ป้ายเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคอื่นๆยังไม่รากฎ ส่วนในจังหวัดอื่นๆ ก่อนหน้านี้ก็ถูกทำลาย 3-20 ป้าย มีการจับคนทำลายได้บ้างไม่ได้บ้าง บางพื้นที่ที่ถูกจับได้ก็เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง” ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารชุดปราบยาเสพติดเข้าไปในพื้นที่และช่วยบางพรรคหาเสียง พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า เรื่องนี้พุดลอยๆ ไม่ได้ ต้องระบุว่าเป็นใครกลุ่มไหน ชุดไหนไปทำ ต่างคนต่างพูดไม่ได้ ต้องระมัดระวังด้วย การไปใส่ความใครให้มีผลเรื่องคะแนนผิดกฎหมายเลือกตั้ง และชุด ฉก.315 ที่ตั้งขึ้นมานั้นเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดก็ต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นการกล่าวหาโดยยังไม่มีอะไรจริงเราก็ต้องดำเนินการทำงานต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์กล่าวว่า ศูนย์บริหารเหตุการณ์ร้ายแรง ได้มอบหมายให้ทุก บช.ไปทำงานตอนนี้หลายภาคได้ดำเนินการไป ซึ่งเป็นการทำงานในเชิงรุก ได้ไปดำเนินการหาสาเหตุ กลุ่มมือปืน กลุ่มผู้สนับสนุน หลาย บช.ไปทำในส่วนของสาเหตุ เรียกคู่กรณีที่มีความขัดแย้งมาทำความเข้าใจกัน ห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรง
ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า 10 จังหวัดที่เป็นจังหวัดเฝ้าระวังนั้นตามแผนพิทักษ์เลือกตั้ง เราได้เฝ้าติดตาม จัดกำลัง เข้าไปควบคุมดูแลสถานการณ์เรื่องของความขัดแย้ง ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนกลางเข้าไปดูแล เชื่อว่าก่อนการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ เรามีการประชุมกันทุกวัน ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงแต่อย่างใด พรุ่งนี้เราจะสรุปตัวเลขการระดมกวาดล้างอาชญากรรม และจำนวนผู้สมัคร ส.ส.ที่ขอกำลังเข้ามา ในเบื้องต้นผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมนั้นมีการจับกุมเกี่ยวกับอาวุธปืนได้เป็นจำนวนมากซึ่งจะต่อเนื่องไปถึงวันเลือกตั้ง