“ดีเอสไอ” เข้าตรวจสอบระบบเบิก-จ่ายยาโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง พบผิดปกติเบิกจ่ายไม่ตรงกับกรมบัญชีกลาง มีการเซ็นชื่อรับยาแทน-แพทย์มอบพยาบาลจ่ายยาแทน ไม่เป็นตามกฎ ส่อให้เกิดช่องว่างทุจริต ขณะที่ ป.ป.ท.-ดีเอสไอจะร่วมกันออกสุ่มตรวจ รพ.ทุกภาคทั่วประเทศ
วันนี้ (8 เม.ย.) นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงผลการตรวจสอบการเบิกจ่ายยาระบบจ่ายตรงของครอบครัวข้าราชการ ในโรงพยาบาล 3 แห่ง ว่าพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายยากับกรมบัญชีกลาง ในโรงพยาบาลดังกล่าว คือ โรงพยาบาลค่ายเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร โรงพยาบาลเรณูนคร จ.สกลนคร และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งในส่วนของ โรงพยาบาลค่ายเขตอุดมศักดิ์ เกิดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล ทำให้ข้อมูลของกรมบัญชีกลางไม่ตรงกับโรงพยาบาล จึงไม่ใช่การทุจริตแต่เป็นเพียงความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล ส่วน รพ.เรณูนคร และสรรพสิทธิประสงค์ พบกรณีที่คล้ายคลึงกันคือ มีการรับยาแทนผู้ป่วย โดยโรงพยาบาลไม่มีระบบตรวจสอบอย่างรัดกุม บางกรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมาเซ็นชื่อรับยาแทนคนไข้ แต่คนไข้ไม่ได้รับยาจริง บางรายแพทย์มอบหมายให้พยาบาลเป็นผู้สั่งจ่ายยาให้คนไข้ได้ ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง ทำให้เกิดช่องว่างที่ส่อทุจริต
นายสรรเสริญกล่าวต่อว่า ตามปกติระบบจากตรงของกรมบัญชีกลาง ผู้ป่วยจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้า รวมถึงสแกนลายนิ้วมือและลงลายมือชื่อไว้กับรพ. และหากญาติจะรับยาแทนก็ต้องปฏิบัติในลักษณะเดียวกันคือต้องลงชื่อรับรองการรับยา ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าแต่ละรพ.ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ดังนั้น ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งไปยังกรมบัญชีกลางและกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มีหนังสือสั่งการให้ รพ.ปฏิบัติตามระเบียบการจ่ายยาอย่างเคร่งครัด สำหรับยาที่พบว่ามีการเบิกแทนกันมากที่สุดคือยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยาไขมันอุดตันในเส้นเลือด ยารักษาความดันโลหิต ทั้งนี้ ดีเอสไอพบว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในทุกระดับเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายยาให้คนไข้เกินความเป็นจริงแต่ขณะนี้ผลการสอบยังไม่ถึงระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่วนมูลค่าความเสียหายโดยรวมเบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ นอกจากนี้ยังพบว่าบุคลากรโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้มีการสั่งซื้อยานอกบัญชียาหลักจำนวนมาก เช่น สั่งซื้อยา ROSUVASTATIN (หรือยาลดไขมัน) ยอดสั่งซื้อ 72,896,681 ล้านบาท หรือ สั่งซื้อยา ESOMEPRAZOLE (หรือยาลดการหลั่งกรด) ยอดสั่งซื้อ 51,028,750 ล้านบาท รวมประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะสืบสวนขยายผลต่อไป
รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า หลังจากนี้การตรวจสอบจะมีลักษณะคู่ขนานทั้งหน่วยงานดีเอสไอ และ ป.ป.ท. โดยจะสุ่มการตรวจสอบ รพ.ทุกภาคทั่วประเทศ รวมถึง รพ.ที่มีระบบการจ่ายตรง ที่ไม่ขึ้นกับกระทรวงสาธารณสุขตลอดจนโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ขณะที่กรมบัญชีกลางจะตรวจสอบการเบิกจ่ายยาตามเวชระเบียบของโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างจนอาจส่งผลกระทบต่อระบบการจ่ายตรงและสุขภาพของผู้ป่วย