คุมเข้มเบิกจ่ายยา 4 กลุ่มทุกสิทธิ เชื่อ โรงพยาบาลไม่มีเจตนาทุจริต แจงสาเหตุที่ค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าราคายาที่กรมบัญชีกลางกำหนด เพราะข้อกำหนดของ สธ.ให้บวกราคาค่าบริการของเจ้าหน้าที่ และค่าบริการส่วนอื่นไปด้วย ซึ่งอาจเกินกว่าราคาจริงที่กรมบัญชีกลางกำหนดไปเล็กน้อย ซึ่งกรณีนี้ไม่ถือว่า เป็นการทุจริต
วานนี้ (12 เม.ย. ) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการประชุมหารือแนวทางการคบคุมการเบิกจ่ายยาของโรงพยาบาล (รพ.) สังกัด สธ.นั้น ได้มีการกำหนดแนวทางให้คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัดของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง มีมาตรการในการควบคุมการเบิกจ่ายยาในทุกสิทธิ คือ ระบบรักษาฟรี ระบบสวัสดิการข้าราชการ และระบบประกันสังคม ในยา 4 กลุ่มที่มีการเบิกจ่ายมาก คือ กลุ่มลดไขมัน ยารักษาความดันโลหิตและโรคหัวใจ ยารักษาโรคกระเพาะ และยาแก้อักเสบ โดยใน รพ.ทุกแห่งต้องมีขั้นตอนในการคุมการเบิกจ่ายเหมือนกันทุกแห่ง คือ ต้องมีแพทย์ระบุข้อบ่งชี้ลักษณะอาการป่วย ให้ละเอียดก่อนออกใบสั่งยาให้แก่ทีมเภสัชกร ในการจ่ายยาให้ผู้ป่วย
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นพบว่า สาเหตุที่ค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าราคายาที่กรมบัญชีกลางกำหนดนั้น เป็นเพราะข้อกำหนดของ สธ.ให้บวกราคาค่าบริการของเจ้าหน้าที่ และค่าบริการส่วนอื่นไปด้วย ซึ่งอาจเกินกว่าราคาจริงที่กรมบัญชีกลางกำหนดไปเล็กน้อย ซึ่งกรณีนี้ไม่ถือว่า เป็นการทุจริตแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวจะให้ทุกโรงพยาบาลเก็บค่ายาตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดทุกอย่างโดยไม่บวกเพิ่มค่าบริการส่วนอื่น
นพ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เขต 11 กล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบระบบการสั่งจ่ายยาของโรงพยาบาลเรณูนคร จ.นครพนม จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ขณะนี้ยังไม่มีความผิดปกติในเรื่องการจ่ายยาของแพทย์ โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อว่า ไม่ใช่เป็นการทุจริต เพราะหากโรงพยาบาลสั่งจ่ายยามากเกินความจำเป็นก็มีความเสี่ยงที่ทำให้โรงพยาบาลขาดทุน แต่น่าจะเกิดจากระบบบริการของโรงพยาบาลมากกว่า ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ทำให้ขาดความรัดกุม ทั้งนี้ จะตรวจสอบการเบิกจ่ายยาของผู้ป่วยทั้ง 15 รายตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร้องขอ และจะรายงานผลการตรวจสอบไปยัง นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.ภายใน 15 วัน
ด้าน นพ.สมชาย เชื้อเพชระโสภณ ผู้ตรวจราชการเขต 13 กล่าวว่า คาดว่า จะได้ดำเนินการตรวจสอบ รพ.สรรพสิทธิ์ฯ หลังจากวันที 18 เม.ย.โดยจะเน้นการตรวจบันทึกข้อมูลและเอกสารของการเบิกจ่ายยา ใน รพ.ให้แน่ชัด และอาจจะพิจารณาโดยการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย
