“อู๊ดด้า” สั่งผู้ตรวจ สธ.เขต 11, 13 หาข้อเท็จจริง รพ.เบิกจ่ายยาเกินของ รพ.ในสังกัด ตามผลสอบสวนของดีเอสไอ เผย รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจงผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเป็นอันดับ 1 ของ รพ.ต่างจังหวัด ชี้ ยอดยาพุ่ง เหตุผู้ป่วยเพิ่ม
วันนี้ (11 เม.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาเปิดเผยผลการสอบสวนการเบิกจ่ายยาระบบจ่ายตรงของผู้ใช้สิทธิรักษาพยาบาล สิทธิสวัสดิการข้าราชการ ในโรงพยาบาล (รพ.) สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) 2 แห่ง คือ 1.รพ.เรณูนคร จ.นครพนม และ 2.รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งพบว่ามีการส่อทุจริต ว่า ได้มอบให้ผู้ตรวจราชการ สธ.เขต 11 ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และผู้ตรวจราชการ สธ.เขต 12 รับผิดชอบ จ.นครพนม ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ และ รพ.เรณูนคร สำหรับโรงพยาบาลสังกัด สธ.อื่นๆ ได้สั่งการให้กำชับเรื่องการจ่ายยาและคิดราคายาตามเกณฑ์ที่กระทรวงการคลัง กำหนดอย่างเคร่งครัด
รมว.สธ. กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่กรมบัญชีกลางเรียกเงินคืนจากแพทย์บางรายหรือโรงพยาบาลบางแห่ง ขอให้แจ้งให้ สธ.ทราบด้วย เพื่อกำชับและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึง การตรวจสอบของดีเอสไอหากมีประเด็นใดที่ สธ.ควรจะดำเนินการต่อไป ขอให้ดีเอสไอส่งผลการสอบสวนมายัง สธ.ซึ่ง สธ.พร้อมที่จะทำตามขั้นตอนต่อไป
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้บริหาร รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ชี้แจงว่า โรงพยาบาลมีการเพิ่มจุดตรวจให้ผู้ป่วย และเพิ่มการตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญจาก 10 สาขา เป็น 25 สาขา ทำให้จำนวนผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีผู้ป่วยนอกราว 630,000 รายต่อปี และผู้ป่วยใน 90,000 รายต่อปี จำนวนผู้ป่วยมากเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของโรงพยาบาลต่างจังหวัดทั้งประเทศ ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยเพิ่มขึ้นการเบิกจ่ายยาจึงเพิ่มขึ้น และการเพิ่มจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำให้การใช้ยาโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มมาก ขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะเหตุใดยาจึงเบิกจ่ายสูงเฉพาะยาลดไขมันและยาลดการหลั่งกรด นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าจำนวนการเบิกจ่ายยาทั้งหมดของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 13% ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งยังเป็นสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน จำเป็นที่จะต้องให้ผู้ตรวจราชการฯเข้าไปพิจารณารายละเอียดในเรื่องนี้ ส่วนจำเป็นจะต้องมีการสั่งย้ายแพทย์ที่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ก่อนเพื่อ ความสะดวกในการตรวจสอบหรือไม่นั้น ต้องขอดูรายละเอียดจากดีเอสไอก่อน เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน จะให้ย้ายแพทย์ทั้งโรงพยาบาลคงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งหากมีการชี้ตัวแพทย์อำนาจในการพิจารณาย้ายก็เป็นของผู้อำนวยการโรง พยาบาลนั้น
“สำหรับโรงพยาบาลเรณูนคร ทางโรงพยาบาลชี้แจงว่า โรงพยาบาลใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการลงสถิติผู้ป่วย ทำให้บางครั้งข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน และการที่โรงพยาบาลตั้งอยู่ในอำเภอ คนจึงรู้จักกันหมด เมื่อญาติมารับยาแทนผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยเรื้อรัง โรงพยาบาลก็จะให้ยาไปกับญาติ” นพ.ไพจิตร์ กล่าว
