00...นับว่าวือหวาพอดู สำหรับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยุค"ธาริต เพ็งดิษฐ์"ที่ท่านสามารถสร้างบทบาท สร้างข่าวได้อย่างต่อเนื่อง และครั้งแรกๆหลังวันที่ กลับมานั่งอธิบดีใหม่ๆถือว่า ท่านคือบุคคลที่ถูกจับตามองว่า จะสามารถนำพาดีเอสไอ ให้พ้นจากเฮื้อมมือฝ่ายการเมือง แต่สุดท้าย ก็คว้าน้ำเหลว เมื่อผลงานเป็นที่ปรากฎว่า รับใช้ การเมืองแบบเต็มๆ
เราจะเห็น"ธาริต"แถลงข่าว ตอบโต้กับ"จตุพร พรหมพันธุ์"อยู่บ่อยๆในครั้งแรกๆของการดำเนินคดีกลุ่มแดงก่อการร้ายเผาเมือง รวมทั้ง"ธาริต"ยังได้ตอบโต้แทน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในบางกรณีที่ฝ่ายการเมือง ถูกฝ่ายเสื้อแดง กล่าวหาในสภาเกี่ยวกับการดำเนินคดีคนเสื้อแดงของดีเอสไอ
และจากภาพการเอาจริง เอาจัง ที่จะดำเนินคดี ผู้ก่อการร้ายเผาบ้าน เผาเมือง ทำให้"ธาริต"โดดเด่นในสายตาประชาชน ผู้รักความเป็นธรรม และหวังว่า ผู้กระทำความผิดจะต้องถูกรับโทษ แต่เมื่อรัฐบาล"มาร์ค"เกิดอารมณ์ปรองดองแบบตีกิน ทำให้"ธาริต"เกิดอาการเสียศูนย์ เมื่อเขาเล่นบทบาท ผมไม่คัดค้านการประกันตัว ผมให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีและเข้ามอบตัว แต่ผมจะไปยื่นถอนประกันในภายหลัง และสุดท้าย ผมก็หน้าแหก เมื่ออัยการเขาไม่เล่นด้วย ทำให้"ธาริต เพ็งดิษฐ์"วันนี้ เขากลายเป็น ตัวตลกของดีเอสไอไปโดยปริยาย
00...มาวันนี้ ดีเอสไอ ยุค"ธาริต"คิดการใหญ่อีกครั้ง เมื่อมีการเสนอที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้พิจารณาร่างกฏหระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่ม เติมตามกฏหมาย ว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอ แต่ที่ประชุมได้ให้กรมสอบสวนดคีพิเศษและกระทรวงยุติธรรม นำร่างดังกล่าวที่มี การเพิ่มฐานความผิด อีก 24 คดีกลับไปทบทวนและสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสร็จแล้วค่อยนำกลับมาเสนอใหม่
สำหรับ เหตุผลการขอเพิ่มอำนาจของดีเอสไอ ระบุว่า เนื่องจากคดีความผิดอาญาบางประเภทมีความซับซ้อนมีความเสียหายต่อประเทศ มีลักษณะการทำความผิดข้ามชาติ จึงเห็นควรให้แก้กฏกระทรวง เพื่อให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะกรรมการคดีพิเศษ มีอำนาจสอบสวนคดีความผิดเพิ่ม อีก 24 ความผิด เช่น ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ความผิดเรื่องการค้าประเวณี ความผิดตามประมวลกฏหมายที่ดิน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ฯลฯ.
ขณะที่เรื่องดังกล่าว ได้มีความคิดเห็นจากหน่วยงานราชการหลายแห่งมีทั้งคัดค้านและ เห็นด้วย แต่ที่สำคัญคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นประกอบว่า การแก้กฏกระทรวงเพิ่มอำนาจดีเอสไอ จะทำให้ดีเอสไอ มีการทำงานซับซ้อนกับหน่วย งานในสังกัด สตช.เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดยที่ตำรวจนั้นมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว อีกทั้งแย้งว่า เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอเองก็มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และได้ขอกำลังตำรวจไปช่วยงาน ดังนั้นถ้ามีการกำหนดเพิ่มคดีพิเศษมากขึ้นเช่นนี้ จะทำให้เกิดความล่าช้า และเสียหายได้ อีกทั้งหากออกกฏที่ให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่คดีพิเศษมากเกินไปจะกระทบกัน เสรีภาพของประชาชน
ขณะที่ สำนักอัยการสูงสุด มีความเห็นว่า การออกกฏดังกล่าวเพื่อเพิ่มคดีพิเศษขึ้นต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ ในการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งแตกต่างจาก อำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนทั่วไป ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจราณาความอาญา
00...ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ได้บัญญัติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่มีลักษณะพิเศษ มีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลากหลายสาขาวิชา ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนการกระทำผิดที่มีความซับซ้อน และเพื่อให้การสอบสวนมีประสิทธิภาพ พระราชบัญญัติสอบสวนคดีพิเศษ ได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจหน้าที่พิเศษกว่าอำนาจสืบสวนสอบสวน ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อาทิ อำนาจตรวจค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้น อำนาจในการดักฟังโทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าการใช้อำนาจพิเศษเหล่านี้ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประกอบกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัย ทำให้ประสิทธิภาพในการสืบสวนสอบสวนเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
ดังนั้น เมื่อ ดีเอสไอ มีอำนาจพิเศษใหญ่สุดๆ แต่ บุคคลากรใน ดีเอสไอ ยังไม่ใช่คนพิเศษ บริหารงานไร้ธรรมาภิบาล รับใช้การเมืองอย่างเต็มรูปแบบ การเพิ่มอำนาจมากขึ้น จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับบุคคลผู้บริสุทธิ์ที่จะถูกละเมิดสิทธิจากดีเอสไอ และแน่นอนปัญหาการทำงานที่ซ้ำซ้อน กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย
