โฆษกประชาธิปัตย์เชื่อเพื่อไทยส่งสัญญาณใช้สภาสร้างความแตกแยก ไล่ “อนุดิษฐ์” กลับไปด่าพรรคตัวเองเล่นสกปรก เล็งตรวจสอบฝ่ายค้านใช้ข้อมูลเท็จซักฟอก คาดคงไม่พอใจอภิปรายไม่ตรงวันแดงป่วน รับมีพวกเสียอำนาจดักฟังฮัลโหล ส.ส. ท้าเปิดรายชื่อคนใกล้ชิด “มาร์ค” จุ้นคดีภาษีบุหรี่นอก ขู่เจอหมายศาล
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน โดยมีการกำหนดวันที่ 15 มี.ค.เป็นต้นไปว่า การบรรจุวาระเข้าสภาเป็นไปตามระเบียบและข้อกำหนดของสภาอย่างเคร่งครัด การตรวจสอบเรื่องความครบถ้วนของรายชื่อ ส.ส.ที่ลงชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นการดำเนินการในส่วนของสภา พรรคไม่เกี่ยวข้องและเห็นว่าแนวทางการเตรียมการของพรรคเพื่อไทยเริ่มแสดงให้เห็นว่าต้องการให้สภานี้เป็นที่สร้างความแตกแยกทางการเมือง โดยการใช้การอภิปรายเป็นเวทีเพื่อขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวนอกสภา ที่เตรียมการวันที่ 12 มี.ค. และสัญญาณที่ส่งมาโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ที่พยายามผูกโยงการเลือกตั้ง และการกลับมาสู่ประเทศไทยโดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อคดีต่างๆ เป็นสิ่งที่พรรควิตกว่าจะนำไปสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ออกมาพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่าเล่นวิธีสกปรก ขอให้กลับไปใช้คำพูดนี้กับพรรคตัวเองจะดีกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสภา ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ และไม่เคยมีพฤติกรรมสกปรกเหมือนพรรคที่สนับสนุนการเผาบ้านเมืองประชาชนสามารถ ดูได้ว่าใครกันแน่ที่เล่นสกปรก และทรยศต่อประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม จะมีการร่วมตรวจสอบการทำหน้าที่ ส.ส.ของฝ่ายค้านในเรื่องการบิดเบือนข้อมูล ใส่ร้าย ใช้ข้อมูลเท็จ เหมือนกรณีคลิปเสียงนายกฯ ในการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจะสร้างความเสียหายและแตกแยกแก่บ้านเมือง เพราะอาศัยช่องว่างการมีอภิสิทธิ์คุ้มครองโดยนำข้อมูลมาเปิดเผยแบบไม่ต้องรับผิดชอบแม้จะเป็นความเท็จ จึงจะต้องมีการผลักดันให้มีการตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างเพื่อให้สังคมใช้วิจารญาณแยกแยะว่าความจริงเท็จอยู่ตรงไหน โดยเฉพาะการชุมนุมเกี่ยวโยงกับกลุ่มใดพรรคใดที่เคลื่อนไหวนอกสภา เหตุผลที่เพื่อไทยแสดงความไม่พอใจเรื่องระยะเวลาจากการตรวจสอบรายชื่อ เพราะไม่สามารถใช้จังหวะเวลาอภิปรายสอดรับกับการชุมนุมในวันที่ 12 มี.ค.ได้สำเร็จ และไม่สามารถใช้เงื่อนไขดังกล่างสร้างให้เกิดความขัดแย้งและวุ่นวายทางการเมืองรอบใหม่ เชื่อว่าประชาชนเรียนรู้เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เคยเกิดขึ้นและร่วมกันปฏิเสธแนวทางดังกล่าว
ส่วนที่หน่วยงานรัฐสภาได้ออกมาเปิดเผยถึงการดักฟังโทรศัพท์สมาชิกสภา นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบและยืนยันว่าหน่วยงานภาครัฐภายใต้การตรวจสอบของรัฐบาลได้ถูกกำชับอย่างชัดเจนว่าไม่ให้ดำเนินการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วยการดักฟังโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด นอกจากกรณีที่เป็นอาชญากรรมตามหมายศาลที่กระทบและขัดต่อกฎหมายเท่านั้น แต่ การดักฟังโทรศัพท์ขององค์กรนอกภาครัฐที่เกี่ยวโยงกับบุคคลที่สูญเสียอำนาจทางการเมืองได้รับทราบมาในระยะหนึ่งแล้ว และ ส.ส.และรัฐมนตรีเองก็ได้ใช้ความระมัดระวังในการสื่อมาโดยตลอดยืนยันว่าพฤติกรรมการใช้วิธีนอกกฎหมายเพื่อคุกคาม หรือล้วงความลับทางการเมืองจะต้องรับผิดชอบผลของการกระทำตามกฏหมายอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลมีแนวทางที่จะไม่ทำซ้ำกับการใช้เทคโนโลยีสื่อสารเพื่อดักฟังการทำงานของรัฐบาลเหมือนในอดีตอย่างแน่นอน
นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีที่มีความพยายามโยงคนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าเกี่ยวข้องกับคดีภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ขอให้ฝ่ายค้านเปิดเผยข้อมูลที่ไม่มีตามที่ยืนยัน แต่ต้องการสร้างความเข้าใจผิด ขอท้าให้เปิดเผยรายชื่อในวันพรุ่งนี้ (7 มี.ค.) เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง และคนกล่าวหาต้องรับผิดชอบหากมีหลักฐานยืนยัน ถือว่ามีการใส่ร้ายนายกฯ โดยไม่มีข้อมูล และคนที่ถูกกล่าวหาก็จะนำข้อมูลมายืนยันเช่นเดียวกัน แต่พรรคได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่านายกฯ และคนใกล้ชิดไม่มีพฤติกรรมแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกับ พฤติกรรมของนายเก่าที่ใช้วิธีการในการคุกคามแทรกแซงเปลี่ยนแปลงการดำเนินคดี ในอดีตจนทำให้บ้านเมืองวิกฤตขอให้ฝ่ายค้านเตรียมตัวด้วยว่า ถ้ามีการพาดพิงในเรื่องนี้ให้เสียหายเตรียมรับหมายศาลได้เลย
