xs
xsm
sm
md
lg

ชาติต้องมาก่อน การเมืองไทยควรเอาอย่าง “สม รังสี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จดหมายลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพุชาที่กำลังลี้ภัยการเมืองอยู่ต่างแดนได้ส่งถึง ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีความหมายที่คนไทยโดยเฉพาะนักการเมืองควรได้เรียนรู้เพราะเนื้อหาแม้จะสั้นแต่กินความหมายลึกซึ้งถึงคำว่า “ชาติบ้านเมืองต้องมาก่อนความได้เปรียบทางการเมือง”

ในจดหมาย สม รังสี พูดถึงความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชายื่นเรื่องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยเร็ว เพื่อจัดประชุมด่วน อันจะนำไปสู่การสิ้นสุดเหตุปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา

นอกจากนี้ ในจดหมายยังกล่าวชื่นชมรัฐบาลกัมพูชาซึ่งตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ที่ไม่ใช้วิธีการเจรจาทวิภาคี เพื่อหยุดข้อพิพาทระหว่างกัน แต่ติงว่าอาเซียนไม่สามารถช่วยให้ทั้ง 2 ประเทศแก้ไขปัญหาได้ เพราะอาเซียนไม่ได้มีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่สนับสนุนให้กัมพูชาตกเป็นเหยื่อของการรุกรานและการบุกรุกจากไทย

ก่อนทิ้งท้ายว่า ตนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือรัฐบาลกัมพูชาเพื่อต่อต้านการรุกรานจากประเทศไทย

ความจริงก่อนหน้าที่จะมีการส่งจดหมายดังกล่าว ท่าทีของ สม รังสี มีแนวโน้มจะใช้สถานการณ์ที่ฮุนเซนเพลี่ยงพล้ำทั้งทางด้านการทหารและการเมืองระหว่างประเทศด้วยการกระทืบซ้ำ ปลุกระดมให้คนกัมพูชาลุกขึ้นมาต่อต้านผู้นำของตัวเอง

แต่เวลาผ่านไปไม่กี่วัน สม รังสี ก็ตกผลึกพลิกตัวกลับลำแบบ 360 องศา ด้วยการส่งจดหมายหนุนการเดินหน้ารักษาผลประโยชน์ประเทศตามแนวทางของรัฐบาลกัมพูชา ทั้งๆ ที่ ฮุนเซน เป็นผู้กลั่นแกล้งเขาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศ

ซึ่งหาก สม รังสี คิดเพียงแต่สร้างความได้เปรียบทางการเมืองเพื่อล้มล้างศัตรูตลอดกาลอย่างฮุนเซน เขาก็คงเดินหน้าปลุกระดมคนกัมพูชาข้ามประเทศเหมือนที่ได้ดำเนินการในช่วงต้นที่เกิดการปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา

แต่ สม รังสี คู่อาฆาตของฮุนเซน กลับเลือกที่จะยืนหยัดเคียงข้างศัตรูอย่างฮุนเซน ด้วยจิตสำนึกของพลเมืองกัมพูชาโดยแท้

น่าเสียดายที่จิตสำนึกความเป็นพลเมืองที่ชาติต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด กลับไม่ค่อยปรากฏให้เห็นในบ้านเมืองของเรา เพราะในภาวะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับศึกนอก เกิดการปะทะกันจนมีทหารเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอีกนับสิบ ขณะที่ชาวบ้านเรือนหมื่นต้องอพยพออกจากบ้านของตัวเองเพื่อหลบภัย แม้วันนี้จะได้กลับไปนอนบ้านแล้วแต่ก็อยู่ในภาวะกินไม่อิ่ม นอนหลับไม่เต็มตา เพราะกังวลกับสภาพปัญหาที่ยังไม่ยุติง่ายๆ

ในฐานะคนไทยเมื่อเห็นท่าทีของ สม รังสี ก็อดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ เพราะเราไม่เคยได้เห็นบทบาทของ “ฝ่ายค้าน” ในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงเลือดเข้มข้นของการเป็นชนชาติไทย ที่จะลุกขึ้นมาร่วมปกป้องผืนแผ่นดินเกิด

จะว่าไปแล้วก็นับว่า ยังโชคดีที่พรรคเพื่อไทยไม่ร่อนจดหมายถึง ฮุนเซน แล้วยุส่งให้ทำสงครามยืดเยื้อกับไทย เพื่อให้รัฐบาลอ่อนแอลงในสายตาของประชาชน อันจะทำให้ตัวเองได้เปรียบทางการเมืองเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาบทบาทของพรรคเพื่อไทยล้วนแต่เอื้อประโยชน์ให้กัมพูชา และฮุนเซน โดยมองข้ามผลประโยชน์ชาติไปเสียสนิท

ตั้งแต่การชักศึกเข้าบ้านด้วยการส่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไปพบ ฮุนเซน ตามมาด้วยการที่ ฮุนเซน ตั้ง ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษา และมีการทำงานการเมืองสอดประสานกันข้ามประเทศเพื่อล้มรัฐบาลไทย

ยังมีกรณี ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ก็ จตุพร พรหมพันธุ์ นี่แหละที่ออกมาพ่นกล่าวหาว่า กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทยมีคำสั่งให้สอดแนมความเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร ถึงขนาดระบุว่าจะนำหลักฐานเทปบันทึกเสียงที่มีการดักฟังโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ทูตไทยประจำกรุงพนมเปญมาเปิดเผยเสียด้วย

นี่คือฝ่ายค้านไทยที่ทำทุกอย่างบนผลประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าที่จะคำนึงถึงความเสียหายที่ชาติบ้านเมืองจะได้รับ

เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยในวันนี้

จดหมายของ สม รังสี น่าจะเป็นเครื่องเตือนสตินักการเมืองไทย ได้ลองหันมาทบทวนบทบาทและการเคลื่อนไหวของตนว่า แท้จริงแล้ววันนี้ได้เคลื่อนไหวโดยคำนึงถึงชาติบ้านเมืองก่อนความได้เปรียบทางการเมืองหรือยัง

ถ้ายัง ถึงเวลาแล้วใช่หรือไม่ ที่ควรจะเลิกเล่นเกม ชิงความได้เปรียบทางการเมืองจนอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาประโยชน์ของชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น