ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 2 จำเลย แก๊งเสี่ยโต๊ะจีนเมืองกาญจนบุรี ค้ายาบ้า 1.9 แสนเม็ด สั่งจำคุกพลทหารเอ็ม ผู้ร่วมขบวนการ 37 ปี 6 เดือน แต่ให้ยกฟ้อง “รุ่งฤดี เหลืองวิไล” เมียเสี่ย เหตุหลักฐานไม่ชัด ส่วนหัวหน้าแก๊งยังลอยนวล
วันนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อย.1860/2553 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายกอบบุญ หรือนนท์ มุราชวงษ์ นายจีรศักดิ์ หรือเก่ง เซี่ยงเจ้ว พลทหารสุภชัย หรือเอ็ม กาญจนศิโรรัตน์ และนางรุ่งฤดี หรือทราย เหลืองวิไล เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, เป็นข้าราชการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102
โดยคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2553 เวลากลางวันและกลางคืนหลังเที่ยงต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1,2 และ 3 มียาบ้าจำนวน 193,600 เม็ด น้ำหนัก 17,403.620 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน กจ-7241 กาญจนบุรี ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่จุดตรวจบริเวณถนน 25 มกรา อ.เมือง จ.นครปฐม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลจับกุมจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้จ้างวานได้ที่บ้านพักใน ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2, 3 และ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเบิกความบรรยายขั้นตอนการจับกุมจำเลยตั้งแต่เรียกตรวจรถยนต์ที่จุดเกิดเหตุตรวจจนถึงการขยายผลจับกุมจำเลยที่ 4 สอดคล้องกันเป็นลำดับขั้นตอน ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยอื่นมาก่อน ไม่มีลักษณะกลั่นแกล้งให้จำเลยต้องรับโทษถึงขั้นประหารชีวิต เชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความไปตามความเป็นจริง
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1, 2 กระทำความผิดจริงตามฟ้อง พิพากษาลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 กับ 2 ไว้ตลอดชีวิต
ส่วนจำเลยที่ 3 ขณะเกิดเหตุเป็นข้าราชการทหาร ต้องระวางโทษเป็น 3 เท่า แต่โทษของจำเลยที่ 3 คือจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้วจึงไม่ต้องรับโทษเป็น 3 เท่า แต่ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 3 มีอายุเพียง 19 ปี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ 37 ปี 6 เดือน และให้ริบยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด
สำหรับจำเลยที่ 4 โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1-3 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2552 จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 4 พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยที่ 4 ไว้ระหว่างรออุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เป็นข่าวโด่งดังในชั้นจับกุม เนื่องจากนายวิเชียร เหลืองวิไล สามีของรุ่งฤดี จำเลยที่ 4 ประกอบธุรกิจรับทำโต๊ะจีนในจังหวัดกาญจนบุรีได้เพียง 1 ปี แต่ร่ำรวยจนผิดสังเกต ซื้อบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์หรูราคาแพง จนชาวบ้านสงสัยว่าจะเปิดโต๊ะจีนบังหน้าแต่ลักลอบค้ายาบ้า โดยขณะนี้นายวิเชียรยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
