โฆษก ศอ.รส.เดินหน้าขอพื้นที่พันธมิตรฯคืน

โฆษก ศอ.รส.แถลง ตำรวจจะจัดกำลังดูแลรัฐสภา 11 กองร้อย โดยจะมีการปิดถนนผ่านหน้ารัฐสภา ทั้งอู่ทองใน และถนนราชวิถี ถึงแยกพิชัย ส่วนการขอคืนพื้นที่จากพันธมิตรฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินการ อ้างแกนนำความเห็นเริ่มไม่ลงรอยกันแล้ว

วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมศอ.รส.ว่า ในวันนี้ทาง บช.น.ได้นำแผนการดูแลความสงบเรียบร้อยในการประชุมร่วมรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มี.ค.นี้ มาเสนอต่อที่ประชุม โดยจะใช้กำลังตำรวจดูแลบริเวณอาคารรัฐสภา 11 กองร้อย ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมกำลังตำรวจที่ดูแลทำเนียบรัฐบาลอีก 15 กองร้อย รวมทั้งตำรวจจราจรและตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบ ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยรัฐสภา จะมีการตั้งจุดตรวจบริเวณปั๊ม ปตท.สาขาสนามเสือป่า และจะมีการปิดถนนที่ผ่านบริเวณรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็น ถนนอู่ทองใน และถนนราชวิถี จนถึงแยกพิชัย โดยจะอนุญาตให้เพียง ส.ส. ส.ว.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องผ่านเข้าออกได้เท่านั้น ส่วนประชาชนก็ขอให้หลีกเลี่ยงไปใช้ในเส้นทางอื่น อาทิ ถนนสุโขทัย และถนนระนอง

พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปจนถึงวันที่ 24 เม.ย.นี้ ทาง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่อยู่ภายในพื้นที่ 7 เขตของ กทม.ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และพื้นที่ใกล้เคียง ปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจค้นอาวุธ สิ่งเทียมอาวุธ ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย รวมไปถึงยางรถยนต์และน้ำมัน โดยให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นพื้นที่บริเวณรอบการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รอบทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่เฝ้าระวังไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันการก่อเหตุที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เรามีบทเรียนมาแล้ว ไม่ใช่เพราะกลุ่ม นปช.จะออกมาชุมนุมในวันที่ 10 เม.ย.นี้

พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มพันธมิตรฯนั้น เบื้องต้นทราบว่า การประชุมของแกนนำเริ่มมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ซึ่งสังเกตได้จากก่อนหน้านี้ มีข้อมูลว่า แกนนำบางส่วนจะยินยอมที่จะย้ายสถานที่การชุมนุม เพื่อเปิดพื้นที่ในการจัดงานกาชาด แต่เมื่อมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมแกนนำ ก็มีข้อมูลออกมาว่า ไม่ยินยอมที่จะย้ายสถานที่การชุมนุม ซึ่งก่อนหน้านี้ เราเสนอพื้นที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ให้ผู้ชุมนุมย้ายไปในช่วงงานกาชาด แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ตอนนี้เราจึงทำได้เพียงกวดขัน และควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในวงจำกัด ส่วนการเจรจาขอคืนพื้นที่ก็คงต้องทำต่อไป แต่ถ้าผู้ชุมนุมไม่ยินยอมก็คงต้องแยกพื้นที่การชุมนุมออกจากการจัดงานกาชาด โดยอาจกั้นพื้นที่บริเวณถนนพิษณุโลก เพราะใกล้กับพื้นที่การชุมนุม จากนั้นจะมีกำลังตำรวจมาดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า น่าจะมีข่าวดีในเรื่องดังกล่าวเร็วๆ นี้ ซึ่งก็คงต้องใช้การเจรจาเป็นหลัก เนื่องจากเราต้องการให้การชุมนุมยุติลง โดยถ้าการเจรจาไม่เป็นผลจริงๆ ก็อาจต้องใช้กำลังเข้าผลักดัน แต่ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ต้องใช้มาตรการถึงขั้นนั้น เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง

พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ ศอ.รส.ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯไปให้กองพันทหารม้าที่ 4 ตรวจสอบ เนื่องจากต้องสงสัยว่าเป็นทหารนั้น เบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯ 1 คน ที่เป็นทหารเกณฑ์ แต่ได้ปลดประจำการแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้มาดูแลและติดตามอดีตนายทหารระดับสูงคนหนึ่งอยู่ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้

พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.-21 มี.ค.นั้น ทาง บก.น.1 สามารถจับกุมผู้ต้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายเกษียณ รัตนวงษ์ อายุ 46 ปี โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช.และ นายเอกชัย หรือ เอก หงส์กังวาน อายุ 35 ปี โดยจับกุมได้ที่บริเวณอนุสาวรีย์ทหารอาสา ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้จำหน่ายซีดีที่มีเนื้อหาหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โฆษก ตร.ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีรับทราบมติขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ให้คว่ำบาตรประเทศลิเบีย ว่า การที่รัฐบาลไทยมีมติดังกล่าว คาดว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับประเทศ และทางการข่าวก็ยังไม่ได้รับข้อมูลว่า จะมีผู้ก่อการร้ายมาก่อเหตุในประเทศไทย ซึ่งยังถือเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะเราไม่ใช่เป้าหมายในการก่อเหตุและการดำเนินการในเรื่องนี้ประเทศไทยได้ดำเนินการตามมติของยูเอ็นเท่านั้น ส่วนที่มีหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าเหตุการณ์ในประเทศลิเบียจะมีผลมาถึงชาวอาหรับและมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ในเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อน ซึ่งถ้าเราคาดการณ์มากไปก็คงไม่เป็นผลดี ดังนั้นจึงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน

พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวถึงการจัดตั้ง จ.บึงกาฬ ว่า การประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติขอเปิดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) และเจ้าหน้าที่สังกัด บช.ก ประมาณ 100 ตำแหน่ง ส่วนตำแหน่งผู้บังคับการจังหวัดคงต้องรอให้กตช.มีมติเปิดตำแหน่งอีกครั้ง โดยตอนนี้ ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ รองผบช.ภ.4 ทำหน้าที่ดูแลไปก่อน ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย