ผบ.ตร.สั่งห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเข้าไปป้วนเปี้ยนหน้ารัฐสภาเด็ดขาด หากฝ่าฝืน พ.ร.บ.มั่นคงฯ จับกุมทันที
วันนี้ (16 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงภายหลังการประชุมศอ.รส. ว่า ที่ประชุมได้รับรายงานว่าในวันที่ 17 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. จะมีผู้ชุมนุมจากหลายกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม 24 มิถุนาฯ กลุ่มธรรมศาสตร์เสรี กลุ่มแดงสยาม และกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เดินทางมาชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อคัดค้านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ศ..... ทาง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.จึงได้สั่งการห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด ตั้งแต่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาสนามเสือป่า และพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากเป็นพื้นที่ตามประกาศของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อไปว่า การชุมนุมในครั้งนี้ยังได้รับรายงานว่าจะมีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย เช่น กลุ่มแดงสยามที่มีการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นสถาบัน ซึ่งตำรวจจะไม่ยินยอมให้บุคคลกลุ่มนี้เข้าไปในบริเวณรัฐสภาอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเข้าไปชุมนุมบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยินยอมเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ชุมนุมกระทำการฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการใช้กำลังป้องกันพื้นที่และจับกุมตัวทันที แต่ถ้าผู้ชุมนุมจะส่งตัวแทนเข้าไปยื่นหนังสือบริเวณหน้ารัฐสภา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการพิจารณาอีกครั้ง
พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.วิเชียรได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าขอคืนพื้นที่เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้หลักฐานเป็นรูปถ่ายผู้ชุมนุมที่ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม ซึ่งต้องรอการรวบรวมหลักฐานและออกหมายเรียกต่อไป
โฆษก ศอ.รส.กล่าวอีกว่า ส่วนการชุมนุมของของกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มประชาชนไทยฯ บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลนั้น เบื้องต้นจากการเข้าเจรจาทราบว่า ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ กลุ่มประชาชนไทยฯอาจจะย้ายพื้นที่การชุมนุมออกจากบริเวณ ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่สำคัญ เพราะจะเป็นเส้นทางผ่านเข้าออก และสถานที่ตั้งร้านค้าบางส่วน ดังนั้น ถ้าเปิดถนนพิษณุโลกได้ทุกอย่างก็น่าจะผ่อนคลาย ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ คงต้องรอดูการเจรจาและติดตามสถานการณ์ในแต่ละวัน ซึ่งถ้าการเจรจาไม่เป็นผลและการชุมนุมมีผลกระทบต่อสังคม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการ แต่ตอนนี้ยังสามารถยืดหยุ่นได้ก็คงต้องรอดูไปก่อน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เกรงกลัวและไม่ได้ยอมกลุ่มพันธมิตรฯ แต่เราต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรง
เมื่อถามว่าเหตุที่ไม่สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดีเหมือนกับพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ พล.ต.อ.วิเชียร ถือว่ามีอำนาจเด็ดขาดและเป็นอิสระ แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ต้องนำมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้ซ้ำรอย ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างจึงต้องมีความรอบคอบมากๆ และเป็นที่ยอมรับของสังคม
เมื่อถามอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกท้อใจในการทำงานหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาได้พยายามใช้กฎหมายทุกอย่างมาดำเนินการ แต่ยังไม่สามารถทำอะไรผู้ชุมนุมได้ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เราไม่รู้สึกท้อใจในการทำงาน เพราะเมื่อกฎหมายปกติไม่สามารถดำเนินการได้ เราก็ต้องใช้กฎหมายอื่นมาดำเนินการ แต่ถ้าเราใช้กฎหมายมั่นคงก็คงจะดูรุนแรงเกินไป
โฆษก ศอ.รส.ยังได้กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาถอนการประกันตัวของ 7 แกนนำกลุ่ม นปช.ว่า ในเรื่องนี้ทางดีเอสไอ ในฐานะเจ้าของสำนวนคดี เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและดำเนินการ ในส่วนของ ตร.ขณะนี้ทาง บช.น.ยังไม่ได้รายงานข้อมูลเข้ามา ซึ่งทำให้ไม่ทราบพฤติกรรมของแกนนำว่าขัดต่อเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่
เมื่อถามว่า ศอ.รส.มีการประเมินในเรื่องการยื่นถอนประกันตัวแกนนำจะทำให้การสถานการณ์ทางการเมืองตึงเครียดขึ้นหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า แกนนำกลุ่ม นปช.ทุกคนจะรู้เงื่อนไขการได้รับการประกันตัว ถ้าแกนนำได้กระทำผิดเงื่อนไขจริงก็ต้องรับสภาพและรับผิดชอบกับคำพูด แต่คงต้องเป็นดุลยพินิจที่ศาลจะพิจารณาต่อไป