“สุเทพ” พอใจผลการปราบปรามยาเสพติดในชุมชน ได้ผู้ต้องหา 6.4 หมื่นคน นักค้ายาสำคัญ 491 ราย อายัดทรัพย์สินกว่า 282 ล้าน ยึดยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด พร้อมชื่นชมตำรวจบ้านแพ้ว ขยายผลจับกุมยาบ้า 2 เม็ด จนนำไปสู่การจับผู้ผลิตยาบ้า และแท่นผลิตในบ่อกุ้ง ย้ำยกย่องตำรวจแพร่ จับเฮโรอีนมากกว่า 152 แท่ง ลั่นให้เชื่อมั่นตำรวจจัดการผู้มีอิทธิพลได้
วันนี้ (23 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการรายงานสรุปผลการปราบปรามยาเสพติดของ บช.น. บช.ภ.1-9 และ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2553 - 20 ก.พ.2554 จากผู้บัญชาการ (ผบช.) ของแต่ละภาคผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยภาพรวมทั้งหมดสรุปได้ดังนี้ ปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน, ชุมชุม 20,314 แห่ง ดำเนินคดีกับผู้ค้ายาเสพติด 61,353 คดี ผู้ต้องหา 64,246 คน แบ่งเป็นนักค้ายาเสพติดสำคัญ 491 ราย นักค้ายาเสพติดรายย่อย 18,085 ราย ผู้เสพยาเสพติด 43,996 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 956 ราย สามารถอายัดทรัพย์สินนักค้ายาเสพติด 312 ราย มูลค่าทรัพย์สิน 282.675 ล้านบาท สำหรับของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย ยาบ้า 6,329,198 เม็ด เฮโรอีน 211.11 กิโลกรัม กัญชา 32,850 กิโลกรัม ไอซ์ 337 กิโลกรัม กระท่อม 6.957 กิโลกรัม สารระเหย 12.717 กิโลกรัม และยาอี 13,595 เม็ด โดยใช้เวลาการรายงาน 2 ชั่วโมง
นายสุเทพ กล่าวอย่างพอใจกับการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล และขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร บช.ภ.7 ที่สามารถขยายผลจากการจับกุมยาบ้า 2 เม็ด จนนำไปสู่การจับกุมผู้ผลิตยาบ้าและพบอุปกรณ์การผลิต แท่นผลิตภายในบ่อกุ้งแห่งหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดแพร่ บช.ภ.5 ซึ่งสามารถจับกุมเฮโรอีนได้มากถึง 152 แท่ง ผู้ต้องหา 12 คน รวมถึง บช.ภ.9 จับกุมนักค้าเครือข่ายคนไทย และเครือข่ายชาวไนจีเรีย ซึ่งสั่งยามาจากเรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี
นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า การทำงานปราบปรามยาเสพติดจะได้ผลจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อจากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะต้องเดินหน้าต่อไป และเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น เพราะประชาชนคาดหวังไว้มาก โดยตำรวจจะต้องแสดงตัวเป็นเจ้าภาพในการทำงานประสานงานกับฝ่ายปกครอง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และสิ่งที่ต้องเน้นย้ำมาโดยตลอด คือ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจต้องดำเนินการตามวิชาการตำรวจ โดยดำเนินการตามกฎหมายไม่ใช้วิธีการอื่น เพื่อแสดงให้ประชาชนมั่นใจว่ากฎหมายสามารถดำเนินการกับนักค้ายาเสพติดได้
อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความกังวลในเรื่องของสถานที่บำบัดที่มีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ติดยาเสพติด บางกองบัญชาการ อาจไม่สามารถจัดหาสถานที่บำบัดได้เพิ่มเติม โดยอาจลองใช้แบบอย่างจาก บช.ภ.8 ที่นำโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 8 เป็นศูนย์บำบัด ซึ่งมีความพร้อมในเรื่องครูฝึกอบรม และห้องพักฟื้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ หลังจากผู้เสพได้รับการบำบัดแล้ว แต่ละสถานีตำรวจจะต้องจัดระบบติดตามช่วยเหลือผู้บำบัดไม่ให้กลับมามีพฤติกรรมเดิม ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นภาระเพิ่มเติมให้อีก แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า ตำรวจเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด สามารถแวะไปเยี่ยมเยียนได้และยังเป็นการทำตามนโยบายรั้วครอบครัว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทุกรั้วตามนโยบาย 5 รั้วป้องกันยาเสพติด ซึ่งประกอบด้วย รั้วครอบครัว รั้วโรงเรียน รั้วชุมชน รั้วสังคมและรั้วชายแดน โดยขอให้แต่ละสถานีตำรวจจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมในแต่ละรั้ว และให้ตรงกับความสามารถของแต่ละคน
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า มี 175 อำเภอที่ถูกจัดให้เป็นอำเภอที่เป็นพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติด จึงขอให้แต่ละสถานีตำรวจตรวจสอบว่ามีอำเภอใดบ้างอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของตนและจะทำอย่างไรที่จะสามารถลบอำเภอนั้นออกจากบัญชี และทำให้เป็นอำเภอที่สะอาด ซึ่งผลการปฏิบัติจะเป็นเหตุผลหนึ่ง เพื่อประเมินผลพร้อมให้รางวัลกับสถานีตำรวจที่สามารถทำได้ด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับรายงานกรณี ผบช.ภ.5 ระบุว่า มีนักการเมืองและคนมีสี อยู่เบื้องหลังการค้าเฮโรอีนที่จับกุมได้ที่จังหวัดแพร่ นายสุเทพ กล่าวว่า ได้รับรายงานมาบ้าง แต่ไม่ละเอียดเท่าไรนัก ซึ่งขอยืนยันว่า ใครจะมีอิทธิพลอย่างไร ก็ขอมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้