ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตร.ภ.5 จับเฮโรอีนล็อตใหญ่ 195 กก. มูลค่าพันล้าน หลังแก๊งค้ายาม้งเตรียมขนเข้ากทม. เผยชุดสืบสวนขยายผลคดีเก่า ตามติดมากว่า 3 เดือนจนจับได้ ด้าน ผอ.ปปส.ภาค 5 ระบุเป็นเฮโรอีนเบอร์ 1 จ่อยึดทรัพย์แก๊งค้ายา พร้อมเตือนระวังยาทะลักพบพื้นที่ปลูกฝิ่นรัฐฉานเพิ่มอีก 10 เท่า
วันนี้ (19 ก.พ. 2554) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดแถลงข่าวเรื่องการจับกุมเฮโรอีนจำนวนถึง 195 กิโลกรัม ในพื้นที่จังหวัดแพร่ โดยมี พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธาน และมีการเผยแพร่ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังกรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย
การจับกุมเฮโรอีนจำนวนมากในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจากชุดสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ ร่วมกันสกัดจับกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 7 ราย ก่อนจะสอบสวนและขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 5 ราย และทำการตรวจยึดเฮโรอีนที่กลุ่มผู้ต้องหานำไปซุกซ่อนในท่อส่งน้ำ ในพื้นที่ ม.6 ต.วังธง อ.เมือง จ.แพร่ จำนวนทั้งสิ้น 512 แท่ง น้ำหนักรวม 195.2 กิโลกรัม พร้อมทั้งรถกระบะที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้ในการเดินทางและลำเลียงยาเสพติดอีก 5 คัน เหตุเกิดระหว่างเวลา 03.00-23.00 น. ในพื้นที่ อ.ลอง และ อ.เมือง จ.แพร่ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นการขยายผลของชุดสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จากกรณีการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 576,000 เม็ด และยาไอซ์ 7 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2553 ซึ่งจากการสืบสวนทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มชาวเขาเผ่าม้ง ในพื้นที่ บ.ภูชี้ฟ้า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือส่งให้กับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้ทำการติดตามสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน
จนกระทั่งสืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดของกลุ่มดังกล่าว จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทำการตั้งด่านสกัดจับและตรวจค้น จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและยาเสพติดเป็นจำนวนมากได้ดังกล่าว
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวต่อไปว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะนำเฮโรอีนดังกล่าวไปส่งให้กับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับค่าจ้างในการขนส่งเป็นเงิน 5 ล้านบาท โดยเฮโรอีนดังกล่าวหากนำออกนอกประเทศจะมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป เนื่องจากสืบทราบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและคนมีสี
ด้านนายพรเทพ เอี่ยมประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 กล่าวถึงการจับกุมเฮโรอีนจำนวนมากในครั้งนี้ว่า เฮโรอีนที่จับได้ในครั้งนี้เป็นเฮโรอีนเบอร์ 1 ซึ่งมีที่มาจากแหล่งผลิตชายแดนพม่า-จีน ก่อนจะนำมาพักไว้บริเวณชายแดนไทย-พม่า และขนผ่านประเทศไทยออกไปทางภาคใต้เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยในครั้งนี้ผ่านเข้ามาจากเขตกองกำลังว้าในพื้นที่ตรงข้ามกับ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และมีกลุ่มผู้ค้าซึ่งเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ทำหน้าที่รับจ้างขนถ่ายและนำส่งสินค้าไปยังพื้นที่เป้าหมาย
ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 กล่าวต่อไปว่าเฮโรอีนเบอร์ 1 ที่จับได้ในครั้งนี้ไม่ใช่เฮโรอีนที่แพร่หลายในประเทศ แต่จะเป็นไปในลักษณะของการมีคำสั่งซื้อเป็นล็อตใหญ่จากต่างประเทศ โดยเมื่อสามารถขนผ่านทางภาคใต้ของไทยไปแล้วจะมีเป้าหมายอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยราคาจะเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10 เท่าจากราคาที่ซื้อขายกันตามแนวชายแดน ซึ่งปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3-3.5 แสนบาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 จะได้ทำการขยายผลไปถึงทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่ถกจับกุมในครั้งนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ จากรายงานที่ได้รับพบว่า พื้นที่ปลูกฝิ่นในเขตของรัฐฉานซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตฝิ่นรายใหญ่นั้น จากเดิมที่มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น 30% ในปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าในฤดูกาลเพาะปลูกของปีนี้กลับมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า ทำให้จะมีปริมาณของฝิ่นที่จะนำไปผลิตยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นอีก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาคเหนือจะต้องมีมาตรการและการปฏิบัติที่เข้มงวดและต่อเนื่อง ในการสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดดังกล่าวไหลทะลักเข้ามาในประเทศไทย
