xs
xsm
sm
md
lg

เลือกสภาเกษตรแพร่ป่วนฯ-แจ้งจับกรรมการเลือกตั้งเอื้อคนการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอานันต์ ฟูตุ้ย อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 /1 หมู่ 8 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ ผู้สมัครสมาชิกสภาเกษตรกร หมู่ 8 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่
แพร่ - การเลือกตั้งสภาเกษตรกรเมืองแพร่ป่วน ผู้สมัครโร่ขึ้นโรงพักแจ้งจับกรรมการการเลือกตั้งฯ หลังพบพิรุธทั้งขยายเวลารอคนการเมือง-เปลี่ยนหมายเลขผู้สมัครเอื้อประโยชน์เฉพาะราย หลายฝ่ายเชื่อเครือข่ายการเมือง-พ่อค้ายึดครองเก้าอี้เบ็ดเสร็จทุกระดับ

รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่ แจ้งว่า นายอานันต์ ฟูตุ้ย อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 8 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ ผู้สมัครสมาชิกสภาเกษตรกร หมู่ 8 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เด่น ตันไชย พงส.(สบ.3) สภ.เด่นชัย จ.แพร่ เย็นวานนี้(13 ก.พ.54) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีกรรมการการเลือกตั้งสภาเกษตรกร อ.เด่นชัย ที่มีนายฉลอง เพชรศักดา เกษตรอำเภอเด่นชัย เป็นเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้งสภาเกษตรกรระดับท้องถิ่น

โดยนายอานันต์ แจ้งว่า ผู้รับสมัครกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยใส่เลขหมายผู้รับเลือกตั้งให้ผิด และไม่ใส่รายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจนทำให้หมดสิทธิ์ ทั้งการหาเสียง และการไปใช้สิทธิ์ลงคะแนน

นายอานันต์ เปิดเผยว่า ตนได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไปตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะได้ลงสมัครลงรับเลือกตั้งในสภาเกษตรกร เมื่อไปติดตามพบว่าตนไม่มีชื่อในทะเบียนเกษตรกร แต่ได้นำหลักฐานยืนยันกับเจ้าหน้าที่รับสมัคร คือ นายปฏิวัติ วงค์รัตนธรรม ที่สำนักงานเกษตรอำเภอเด่นชัย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เมื่อเห็นหลักฐานได้ทำการขึ้นทะเบียนใหม่ ทำให้ได้ไปสมัครลงรับเลือกตั้งทันในวันที่ 18 มกราคม 54 เวลา 09.30 น.เป็นการสมัครคนแรกของหมู่ 8 แต่เมื่อหมดเขตรับสมัครในวันที่ 23 มกราคม ไม่มีผู้สมัครเพิ่มเติมก็ดีใจว่าได้เข้าไปทำงานในการคัดตัวสภาเกษตรการในระดับสูงขึ้นไป

แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการเลือกตั้งมีการขยายเวลาการรับสมัคร และมีนายรบ ถุงคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส จังหวัดแพร่ พรรคการเมืองหนึ่ง ลงสมัคร และเมื่อไปดูหลักฐานพบว่า นายรบ ถุงคำ กลายเป็นผู้สมัครหมายเลข 1 ของหมู่ 8 แทนตน ซึ่งไปอยู่ในหมายเลข 2 เป็นการเปลี่ยนข้อมูลการเลือกตั้งอย่างร้ายแรง ทำให้เกิดความสับสนในกลุ่มเกษตรกร

และแม้ตนได้ทักท้วงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่มาแก้ให้เมื่อบ่ายวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งเหลือเพียงเวลากลางคืนเดียวเท่านั้นก็จะถึงวันลงคะแนน ทำให้ตนไม่สามารถหาเสียงได้เลย นอกจากนั้นตนยังไม่มีชื่อในทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกด้วย ทั้งๆ ที่มีการทักท้วง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของตนเอง และทำให้สิทธิ์ในการสมัครและการลงเลือกตั้งต้องเสียไป จึงได้ขอแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานที่รับผิดชอบทุกขึ้นตอน

นายอานันต์ เปิดเผยอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เบื้องหลังมีพรรคการเมืองใหญ่อยู่เบื้องหลัง โดยมีการจัดคนลงเป็นหัวคะแนนทั้งสิ้น และมีการวางตัวไว้เป็นตัวแทนระดับอำเภอและจังหวัด ซึ่งเกษตรกรจริงๆ ไม่มีโอกาสได้เข้าไปอย่างแน่นอน

“การที่เกิดปัญหากับตนเพราะไม่ใช่พวกที่จัดตั้งไว้ เมื่อพบว่าไม่ใช่จึงมีการขยายเวลาเพื่อหาคนลง ขณะเดียวกันกลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง มีแต่กลุ่มเกษตรกรที่เป็นกลุ่มการเมืองจะมีสิทธิ์เลือกตั้ง แม้แต่ผู้ที่ป่วยนานหลายปีและเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ.54 ยังมีชื่อมีสิทธิ์ในการลงคะแนน ส่วนประชาชนที่ทำการเกษตรจริงๆ ไม่ถูกจัดให้ไปลงคะแนน เชื่อว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เกษตรกรตัวจริงเข้าไม่ถึงแน่นอน”

สำหรับบรรยากาศการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรในจังหวัดแพร่ จำนวน 94 หน่วยเลือกตั้งมีประชาชนมาลงคะแนนบางตา สาเหตุสำคัญคือการไม่เข้าใจ ไม่รู้ข่าวและที่สำคัญเกษตรกรจำนวนมากไม่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และเกษตรกรบางรายที่ขึ้นทะเบียนแล้ว แต่รายชื่อตกหล่น ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากเปิดให้มีการลงคะแนนในเวลา 08.00 น.และดำเนินไปตลอดทั้งวัน

ซึ่งมีหลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งสภาเกษตรแพร่ มีปัญหาความไม่เป็นธรรม พระยงยุทธ ทีปโก กลุ่มประชาสังคมในจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งสภาเกษตรกรจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะสภาแห่งนี้แม้ไม่มีเงินเดือนแต่มีผลประโยชน์ ถ้ากลุ่มพ่อค้าคนกลาง กลุ่มนักการเมือง ได้ครองสภานี้ ก็จะเป็นประโยชน์กับกลุ่มทุนและนักการเมืองเหล่านั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจะเห็นว่าการเลือกตั้งในจังหวัดแพร่ หรือจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือจึงมีกาประชาสัมพันธ์หรือเวลาในการเตรียมการหรือ กระบวนการให้ความรู้ต่อเกษตรกรมีน้อยมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้การแทรกตัวของนักการเมืองมีการวางตัวผู้แทนระดับอำเภอไว้แล้วโดยการเลือกตั้งในวันนี้เป็นการวางตัวเพื่อไปลงคะแนนให้ผู้แทนที่ถูกจัดตั้งเป็นสายทางการเมืองได้เข้าไปในสภาฯ และวางตัวผู้ที่จะไปเป็นประธานสภาระดับจังหวัดแล้ว ซึ่งในการเข้าแทรกของนักการเมืองในจังหวัดแพร่ร้อยละ 70 เป็นหัวคะแนนและแกนนำของพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 10 เป็นของ ปชป. และอีกร้อยละ 20 เป็นเกษตรกรตัวจริง

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายคือการได้ผู้แทนไปขับเคลื่อนในระดับประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวแทนพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างแน่นอน

กำลังโหลดความคิดเห็น