“ไชยวัฒน์” ฟ้องศาลแพ่ง นายกฯ-ผบ.ตร.ออกพ.ร.บ.มั่นคง มิชอบ ขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมขอให้สั่งประกาศทุกฉบับเป็นโมฆะ ศาลออกหมายเรียก นายกฯ และ ผบ.ตร.ฟังการไต่สวนฉุกเฉิน 24 ก.พ.นี้
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนฯ และ นายทศพล แก้วทิมา กรรมการเครือข่ายหัวใจรักชาติ ผู้ถูกออกหมายเรียกลำดับที่ 10 ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นจำเลยที่ 1-2 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประกาศทุกฉบับที่ออกตาม พ.ร.บ.มั่นคง เป็นโมฆะ
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ขอให้ 1.ศาลมีคำสั่งหรือพิพากษา เพิกถอนมติ ครม.ที่ได้พิจารณาข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการเริ่มใช้มาตรการจัดการประชาชน ผู้ชุมนุมประท้วง ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 9-23 ก.พ.นี้
2.เพิกถอนประกาศที่ออกโดย ครม.เมื่อวันที่ 8 ก.พ.54 ทั้งหมด 3 ฉบับ ประกอบด้วย ประกาศเรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 7 เขตพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ประกอบด้วย เขตพระนคร เขตราชเทวี เขตป้อมปราบ เขตปทุมวัน เขตวังทองหลาง เขตวัฒนา และเขตดุสิต
ประกาศเรื่องการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย และประกาศข้อกำหนด 5 ข้อที่ออกตาม มาตรา 18 พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง ประกอบด้วย 1.การให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการ หรืองดเว้นการปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการดำเนินการในอำนาจหน้าที่ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และพนักงานเจ้าหน้าที่ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2.ห้ามบุคคลใดเข้า หรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของ กอ.รมน.และภายในระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของ กอ.รมน.3.ห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน 4.ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ ตามที่ ผอ.กอ.รมน.กำหนด และ 5.ให้บุคคลปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติอย่างใดอันเกี่ยวกับเครื่องมือ หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตามชนิด ประเภท ลักษณะการใช้หรือภายในเขตบริเวณพื้นที่ที่ ผอ.กอ.รมน.ประกาศกำหนด เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน
นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เมื่อวันที่ 17 ก.พ.เนื่องจากพิจารณาคำฟ้องและคำขอแล้วเห็นว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม ดังนั้น ในวันนี้ จึงนำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง โดยมีคำขอเช่นเดียวกับที่เคยยื่นไว้กับศาลปกครองสูงสุด พร้อมขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อห้ามเจ้าหน้าที่ ที่จะมีอำนาจตาม พ.ร.บ.มั่นคง หยุดการดำเนินใดๆ ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เนื่องจากเห็นว่า ประกาศทุกฉบับที่ออกดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ ซึ่งได้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 593/2554 และได้แจ้งหมายถึงนายกฯ และ ผบ.ตร.แล้วโดยจะนัดไต่สวนในวันที่ 24 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.ซึ่งตน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ และ นายทศพล จะเป็นพยานเบิกความด้วยตัวเอง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม ได้นำหมายเรียกจากศาลแพ่งมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อมอบให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมี พ.ต.อ.สุเมธ เมฆขจร ผู้บังคับการกองรักษาการความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้รับไว้
ทั้งนี้ หมายเรียกดังกล่าวมาจากกรณีที่ นายไชยวัฒน์ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ และ นายทศพล ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการเรียกให้นายกรัฐมนตรีเข้ารับฟังการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน พร้อมกับชี้แจงข้อเท็จจริง เหตุผลประกอบการพิจารณาในชั้นไต่สวน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.00 น.