รอง ผบช.น.ถกทีมสืบเร่งคลี่คลายคดีคนร้ายบุกชิงทรัพย์ร้านทองกวาดไป 67 บาท ขณะที่พยานระบุคนร้ายยืนดูลาดเลาและซื้อน้ำเปล่าดื่มอยู่นานก่อนก่อเหตุ ยังไม่ชัดคนร้ายมีกี่คน เผยยานพาหนะที่ใช้ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้ากับหลังไม่ตรงกัน ย้ำขอภาพวงจรปิดร้านใกล้เคียงจุดที่คนร้ายจอดรถไว้ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ อ้างกล้องเสีย หลังเกิดเหตุได้ปิดร้าน ติดต่อเจ้าของไม่ได้ จึงตอบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวโยงหรือไม่
ประสานขอภาพวงจรปิดจากร้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายจอดรถไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ โดยบอกกับตำรวจว่าว่ากล้องเสีย และหลังเกิดเหตุได้ปิดร้านไป ไม่สามารถติดต่อกับเจ้าของร้านได้ ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ โดยจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนเสียก่อน
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ สน.อุดมสุข พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเพื่อคลี่คลายคดีที่คนร้ายบุกเข้าชิงทรัพย์ห้างทองแม่กิมหงษ์ กวาดทองไป 67 บาท มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยมี พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัฐ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.สรรหกิจ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผกก.สน.อุดมสุข และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต.สุเมธเปิดเผยว่า ในวันนี้ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีชิงทรัพย์ร้านทองเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักประกอบไปด้วย จำนวนคนร้าย ยานพาหนะและเส้นทางการหลหนีของคนร้าย พยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่าพฤติกรรมใกล้เคียงกับคดีที่ผ่านมาบ้างหรือไม่
ส่วนการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางใกล้เคียงขณะนี้ได้ภาพมาบางส่วน แต่ยังไม่ชัดเจนมากนัก ต้องนำไปผ่านกระบวนการทางเทคนิคเสียก่อน เพื่อทำให้ภาพคมชัดขึ้น แต่เบื้องต้นพบว่ายานพาหนะที่คนร้ายใช้ มีการติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ด้านหน้าและด้านหลังไม่ตรงกัน
ทั้งนี้ จากการสอบถามพยานเบื้องต้นพบว่า คนร้ายมายืนดูลาดเลาอยู่เป็นเวลานาน และซื้อน้ำเปล่ามาดื่มรอก่อนที่จะเข้าไปก่อเหตุ โดยน้ำในขวดยังเหลือปริมาณมากและมีเศษน้ำแข็งอยู่จำนวนหนึ่งคล้ายกับแช่ในตู้ที่เย็นจัดเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บไปตรวจสอบลายนิ้วมือแล้ว
พล.ต.ต.สุเมธกล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างชัดเจนว่ามี 2 หรือ 3 คน โดยทางฝ่ายสืบสวนได้ประสานขอภาพวงจรปิดจากร้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายจอดรถไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ โดยบอกกับตำรวจว่าว่ากล้องเสีย และหลังเกิดเหตุได้ปิดร้านไปไม่สามารถติดต่อกับเจ้าของร้านได้ ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ โดยจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มอบหมายงานให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เร่งหาเบาะแสของคนร้ายอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเร่งสอบปากคำพยานอย่างละเอียด และรอผลการตรวจลายนิ้วมือของคนร้าย เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
3 โจรควบเก๋งปล้นร้านทองใส่กุญแจมือเจ้าของกวาด 67 บาท!