3 คนร้ายขับเก๋ง บุกจี้ร้านทองย่านรามคำแหง ใส่กุญแจมือเจ้าของกับลูกบิดประตูกวาดทองไป 67 บาท มูลค่า 1.4 ล้านบาท ขณะที่เจ้าของร้านทอง เผย อยู่ร้านเพียงลำพัง คนร้ายใส่หมวกสานชาวสวน ใช้ผ้าปิดจมูกบังใบหน้าเข้ามาในร้าน และใช้ปืนจี้บังคับให้ก้มลงกับพื้น ห้ามเงยหน้าเด็ดขาด อีกคนกระโดดข้ามเคาน์เตอร์กวาดทองในตู้โชว์ ด้านตำรวจได้หลักฐานกล้องวงจรปิดจับภาพ 2 คนร้าย วิ่งขึ้นรถที่สตาร์ทรอหน้าร้านหลบหนีหลังก่อเหตุ
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.รติวุฒิ นาคแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.อุดมสุข รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ห้างทองแม่กิมหงษ์ ตั้งอยู่เลขที่ 4/891 ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผกก.สน.อุดมสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านขายทอง จากการตรวจสอบภายในร้านเจ้าหน้าที่พบ นายศรีวันริต ทองธนะเศรษฐ์ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านทองดังกล่าว ถูกใส่กุญแจมือติดกับลูกบิดประตูด้านในร้าน เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือไขกุญแจมือออก จากนั้นให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไปตรวจสอบ
จากการสอบสวน นายศรีวันริต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนอยู่ในร้านทองเพียงคนเดียว โดยหลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จแล้วก็เดินไปล้างมืออยู่ที่หลังร้าน โดยลืมล็อกประตูเข้าร้านไว้ จากนั้นมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมเสื้อยืดสีขาว สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีครีมทับอีกชั้น นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่หมวกสานแบบชาวสวน และผ้าปิดจมูกปิดบังใบหน้า เข้ามาในร้านพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนลูกโม่แบบไทยประดิษฐ์สีดำจี้บังคับให้ตนก้มลงกับพื้น ห้ามเงยหน้าเด็ดขาด
นายศรีวันริต ให้การต่อว่า จากนั้นมีคนร้ายเป็นชายอีกคนเข้ามาในร้านแล้วกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปกวาดทองที่อยู่ในตู้โชว์ ก่อนจะรีบออกจากร้านไปขึ้นรถเก๋งสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนที่จอดอยู่ริมถนน แล้วขับหลบหนีออกไปทางถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ทันที จากนั้นตนรีบหยิบโทรศัพท์โทรแจ้ง 191 ทันที จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาช่วยเหลือ
นายศรีวันริต กล่าวด้วยว่า ปกติแล้วที่ร้านจะมีน้องชายของตนอยู่อีกคนหนึ่ง แต่วันนี้ตนอยู่ดูแลร้านคนเดียว เพราะน้องชายเดินทางไปต่างจังหวัด เลยสบโอกาสให้คนร้ายมาก่อเหตุ และจากการตรวจเช็กสร้อยคอทองคำที่ถูกชิงไปนั้นก็มีหลายขนาด แต่ส่วนใหญ่เป็นเส้นน้ำหนักละ 1 บาท น้ำหนักรวม 67 บาท ราคาก็ประมาณ 1,407,000 บาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากจากร้านค้าและร้านเซเว่น ที่อยู่ใกล้เคียงพบว่า กล้องสามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้ขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดริมถนนห่างจากร้านทองที่เกิดเหตุไปเล็กน้อย จนกระทั่งเวลา 13.07 น.คนร้ายคนแรกรูปร่างลำเตี้ย ได้เดินเข้าร้านทองไปเป็นคนแรก จากนั้นคนร้ายอีกคนรูปร่างผอมสูงก็เดินตามเข้าไป จนกระทั่งเวลา 13.09 น.คนร้ายทั้งสองคนได้ออกมาจากร้านทองแล้วขึ้นรถที่จอดอยู่ก่อนขับหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมากพอสมควร ทั้งยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ตำหนิรูปพรรณของทองที่ถูกชิงไป รวมทั้งรูปพรรณสันฐานของคนร้าย โดยคนหนึ่งรูปร่างล่ำเตี้ย ส่วนอีกคนรูปร่างผอมสูง โดยคนร้ายรูปร่างล่ำเตี้ยนั้น เป็นคนใช้อาวุธปืนจี้และใส่กุญญแจมือผู้เสียหาย ส่วนคนร้ายรูปร่างผอมสูงเป็นคนกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ไปกวาดทอง และจากการตรวจสอบภายในร้านพบรอยนิ้วมือแฝง กับรอยฝ่ามือที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาไว้ก่อน และน่าจะรู้ว่าในวันนี้มีคนอยู่ในร้านทองเพียงคนเดียว นอกจากนี้ จากการตรวจสอบดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายทั้งสองคนได้เดินมาขึ้นรถทางประตูหลังโดยเปิดประตูคนละข้าง แสดงว่าคนร้ายมีอย่างน้อย 1 คน ติดเครื่องรออยู่ในรถเก๋งสีดำ โดยสังเกตเห็นได้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นยี่ห้อฮอนด้า ยังไม่แน่ใจรุ่น และยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบหมายให้ บก.สส.บช.น.กับ บก.น.4 ร่วมกันทำงานในทางสืบสวนหาหลักฐานโดยเฉพาะภาพวงจรปิดจากจุดต่าง ๆ รวมทั้งติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันจะมีความคืบหน้ามากกว่านี้
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.รติวุฒิ นาคแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.อุดมสุข รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ห้างทองแม่กิมหงษ์ ตั้งอยู่เลขที่ 4/891 ถนนรามคำแหง 2 ซอย 23 แยก 3 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผกก.สน.อุดมสุข เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านขายทอง จากการตรวจสอบภายในร้านเจ้าหน้าที่พบ นายศรีวันริต ทองธนะเศรษฐ์ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านทองดังกล่าว ถูกใส่กุญแจมือติดกับลูกบิดประตูด้านในร้าน เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือไขกุญแจมือออก จากนั้นให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไปตรวจสอบ
จากการสอบสวน นายศรีวันริต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนอยู่ในร้านทองเพียงคนเดียว โดยหลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จแล้วก็เดินไปล้างมืออยู่ที่หลังร้าน โดยลืมล็อกประตูเข้าร้านไว้ จากนั้นมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมเสื้อยืดสีขาว สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีครีมทับอีกชั้น นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่หมวกสานแบบชาวสวน และผ้าปิดจมูกปิดบังใบหน้า เข้ามาในร้านพร้อมทั้งใช้อาวุธปืนลูกโม่แบบไทยประดิษฐ์สีดำจี้บังคับให้ตนก้มลงกับพื้น ห้ามเงยหน้าเด็ดขาด
นายศรีวันริต ให้การต่อว่า จากนั้นมีคนร้ายเป็นชายอีกคนเข้ามาในร้านแล้วกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปกวาดทองที่อยู่ในตู้โชว์ ก่อนจะรีบออกจากร้านไปขึ้นรถเก๋งสีดำ ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนที่จอดอยู่ริมถนน แล้วขับหลบหนีออกไปทางถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ทันที จากนั้นตนรีบหยิบโทรศัพท์โทรแจ้ง 191 ทันที จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาช่วยเหลือ
นายศรีวันริต กล่าวด้วยว่า ปกติแล้วที่ร้านจะมีน้องชายของตนอยู่อีกคนหนึ่ง แต่วันนี้ตนอยู่ดูแลร้านคนเดียว เพราะน้องชายเดินทางไปต่างจังหวัด เลยสบโอกาสให้คนร้ายมาก่อเหตุ และจากการตรวจเช็กสร้อยคอทองคำที่ถูกชิงไปนั้นก็มีหลายขนาด แต่ส่วนใหญ่เป็นเส้นน้ำหนักละ 1 บาท น้ำหนักรวม 67 บาท ราคาก็ประมาณ 1,407,000 บาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากจากร้านค้าและร้านเซเว่น ที่อยู่ใกล้เคียงพบว่า กล้องสามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้ขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดริมถนนห่างจากร้านทองที่เกิดเหตุไปเล็กน้อย จนกระทั่งเวลา 13.07 น.คนร้ายคนแรกรูปร่างลำเตี้ย ได้เดินเข้าร้านทองไปเป็นคนแรก จากนั้นคนร้ายอีกคนรูปร่างผอมสูงก็เดินตามเข้าไป จนกระทั่งเวลา 13.09 น.คนร้ายทั้งสองคนได้ออกมาจากร้านทองแล้วขึ้นรถที่จอดอยู่ก่อนขับหลบหนีไป
ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมากพอสมควร ทั้งยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ตำหนิรูปพรรณของทองที่ถูกชิงไป รวมทั้งรูปพรรณสันฐานของคนร้าย โดยคนหนึ่งรูปร่างล่ำเตี้ย ส่วนอีกคนรูปร่างผอมสูง โดยคนร้ายรูปร่างล่ำเตี้ยนั้น เป็นคนใช้อาวุธปืนจี้และใส่กุญญแจมือผู้เสียหาย ส่วนคนร้ายรูปร่างผอมสูงเป็นคนกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ไปกวาดทอง และจากการตรวจสอบภายในร้านพบรอยนิ้วมือแฝง กับรอยฝ่ามือที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายน่าจะมาดูลาดเลาไว้ก่อน และน่าจะรู้ว่าในวันนี้มีคนอยู่ในร้านทองเพียงคนเดียว นอกจากนี้ จากการตรวจสอบดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายทั้งสองคนได้เดินมาขึ้นรถทางประตูหลังโดยเปิดประตูคนละข้าง แสดงว่าคนร้ายมีอย่างน้อย 1 คน ติดเครื่องรออยู่ในรถเก๋งสีดำ โดยสังเกตเห็นได้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นยี่ห้อฮอนด้า ยังไม่แน่ใจรุ่น และยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบหมายให้ บก.สส.บช.น.กับ บก.น.4 ร่วมกันทำงานในทางสืบสวนหาหลักฐานโดยเฉพาะภาพวงจรปิดจากจุดต่าง ๆ รวมทั้งติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันจะมีความคืบหน้ามากกว่านี้