นราธิวาส - เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก เร่งแกะรอย 7 โจรปล้นร้านทองจากภาพวงจรปิด พบปมต้องสงสัยก่อเหตุแล้ว ทำไมทิ้งปืนทั้งๆที่อุตส่าห์บุกปล้นมาจากฐานพระองค์ดำ ส่วนรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุเป็นของคนสงขลา ที่ตำรวจเตรียมเชิญเจ้าของมาให้ปากคำ
จากเหตุคนร้ายบุกปล้นร้านทองเลี่ยวอา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 3 คนนั้น
ล่าสุด วันนี้ (15 มี.ค.) พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี เพื่อทำการประเมินสถานการณ์ ณ ห้องประชุม สภ.สุไหงโก-ลก พร้อมทั้งได้นำภาพวงจรปิดและหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางจากกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ มาทำการปรึกษาหารือ และวางมาตรการณ์ในการสืบสวนสอบสวนถึงที่มาที่ไป รวมถึงความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นใคร
แนวทางในการสืบสวนสอบสวนในขั้นต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ดสีบรอนซ์ ทะเบียน กธ 970 สงขลา พบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม ที่ป้ายดังกล่าวเป็นของรถยนต์เก๋งยี่ห้อโอเปิล โดยมีนางยุพิน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สงขลา เป็นเจ้าของ
จากการตรวจสอบหมายเลขเครื่องยนต์และตัวถังรถแล้ว พบว่ารถยนต์เก๋งที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นรถยนต์ของนางหทัยชนก ขอสงวนนามสกุล ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สงขลา แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีหมายจับของ สภ.หาดใหญ่ ได้ขอยืมรถยนต์จากนางหทัยชนก ไปใช้แต่ไม่ได้คืน แถมผู้หญิงคนดังกล่าวยังให้ผู้ชายอีกคนนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจำนำ แล้วรถยนต์คันดังกล่าวถูกคนร้ายใช้นำมาก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมประสานนางหทัยชนก มาให้ปากคำถึงที่มาที่ไป และมีการแจ้งความไว้ที่ใดบ้าง
ส่วนอีกแนวทางหนึ่งในการสืบสวนสอบสวนควบคู่กันไป คือ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีจะนำภาพวงจรปิดที่กล้องบันทึกได้ภายในร้านทองเลี่ยวอา ซึ่งเห็นภาพใบหน้า 1 ใน 7 คนร้ายได้ค่อนข้างชัดเจน เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เชียวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส นำไปขยายและตกแต่งใบหน้าของคนร้าย เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลในแฟ้มประวัติก่อคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นใคร ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาล จ.นราธิวาส ออกหมายจับต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งอาวุธปืนนานาชนิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จำนวนทั้งสิ้น 9 กระบอก แล้วนำมารวมกันใส่กระสอบปุ๋ย ทิ้งไว้บริเวณโคนต้นยางพาราใกล้กับลำธารในสวนยางพาราบ้านกูวาเขย่ง ม.2 ต.เอราวัณ อ.แว้ง จ.นราธิวาส หลังก่อเหตุแล้วเสร็จ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ไปทำการตรวจสอบวิถีกระสุนของอาวุธปืนแต่ละกระบอก ว่ากลุ่มคนร้ายเคยไปใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง รวมทั้งทำการตรวจคราบลายนิ้วมือแฝง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติบุคคล ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่จะรวบรวมเพื่อเป็นหลักฐานในการขออนุมัติศาล จ.นราธิวาส ออกหมายจับเช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้แสดงความคิดเห็นออกมาหลากหลาย คือ ประเด็นที่กลุ่มคนร้ายทำไมเมื่อใช้อาวุธปืนก่อเหตุแล้ว ต้องนำไปใส่กระสอบปุ๋ยแล้วทิ้งรวมกัน ทั้งๆ ที่อาวุธปืนบางส่วนเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายบุกปล้นมาจากฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 ซึ่งมีความยากลำบากในการบุกปล้น แถมอาวุธปืนดังกล่าวคนร้ายแต่ละคนสามารถพกพาเพื่อใช้ป้องกันตัวได้ หากเจ้าหน้าที่ตามทันขณะหลบหนี ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ตามปกติวิสัยของคนร้ายมักจะไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ให้เจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยนำไปสู่การจับกุมมาดำเนินคดีได้
จากเหตุคนร้ายบุกปล้นร้านทองเลี่ยวอา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 3 คนนั้น
ล่าสุด วันนี้ (15 มี.ค.) พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี เพื่อทำการประเมินสถานการณ์ ณ ห้องประชุม สภ.สุไหงโก-ลก พร้อมทั้งได้นำภาพวงจรปิดและหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางจากกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ มาทำการปรึกษาหารือ และวางมาตรการณ์ในการสืบสวนสอบสวนถึงที่มาที่ไป รวมถึงความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นใคร
แนวทางในการสืบสวนสอบสวนในขั้นต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ดสีบรอนซ์ ทะเบียน กธ 970 สงขลา พบว่าเป็นป้ายทะเบียนปลอม ที่ป้ายดังกล่าวเป็นของรถยนต์เก๋งยี่ห้อโอเปิล โดยมีนางยุพิน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สงขลา เป็นเจ้าของ
จากการตรวจสอบหมายเลขเครื่องยนต์และตัวถังรถแล้ว พบว่ารถยนต์เก๋งที่คนร้ายใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นรถยนต์ของนางหทัยชนก ขอสงวนนามสกุล ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สงขลา แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีหมายจับของ สภ.หาดใหญ่ ได้ขอยืมรถยนต์จากนางหทัยชนก ไปใช้แต่ไม่ได้คืน แถมผู้หญิงคนดังกล่าวยังให้ผู้ชายอีกคนนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจำนำ แล้วรถยนต์คันดังกล่าวถูกคนร้ายใช้นำมาก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมประสานนางหทัยชนก มาให้ปากคำถึงที่มาที่ไป และมีการแจ้งความไว้ที่ใดบ้าง
ส่วนอีกแนวทางหนึ่งในการสืบสวนสอบสวนควบคู่กันไป คือ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีจะนำภาพวงจรปิดที่กล้องบันทึกได้ภายในร้านทองเลี่ยวอา ซึ่งเห็นภาพใบหน้า 1 ใน 7 คนร้ายได้ค่อนข้างชัดเจน เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ผู้เชียวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส นำไปขยายและตกแต่งใบหน้าของคนร้าย เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลในแฟ้มประวัติก่อคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นใคร ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาล จ.นราธิวาส ออกหมายจับต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งอาวุธปืนนานาชนิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จำนวนทั้งสิ้น 9 กระบอก แล้วนำมารวมกันใส่กระสอบปุ๋ย ทิ้งไว้บริเวณโคนต้นยางพาราใกล้กับลำธารในสวนยางพาราบ้านกูวาเขย่ง ม.2 ต.เอราวัณ อ.แว้ง จ.นราธิวาส หลังก่อเหตุแล้วเสร็จ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ไปทำการตรวจสอบวิถีกระสุนของอาวุธปืนแต่ละกระบอก ว่ากลุ่มคนร้ายเคยไปใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง รวมทั้งทำการตรวจคราบลายนิ้วมือแฝง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติบุคคล ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่จะรวบรวมเพื่อเป็นหลักฐานในการขออนุมัติศาล จ.นราธิวาส ออกหมายจับเช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้แสดงความคิดเห็นออกมาหลากหลาย คือ ประเด็นที่กลุ่มคนร้ายทำไมเมื่อใช้อาวุธปืนก่อเหตุแล้ว ต้องนำไปใส่กระสอบปุ๋ยแล้วทิ้งรวมกัน ทั้งๆ ที่อาวุธปืนบางส่วนเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายบุกปล้นมาจากฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 ซึ่งมีความยากลำบากในการบุกปล้น แถมอาวุธปืนดังกล่าวคนร้ายแต่ละคนสามารถพกพาเพื่อใช้ป้องกันตัวได้ หากเจ้าหน้าที่ตามทันขณะหลบหนี ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ตามปกติวิสัยของคนร้ายมักจะไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ให้เจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยนำไปสู่การจับกุมมาดำเนินคดีได้