รองผบก.น.2 สั่งชุดสืบลงพื้นที่หาพยานแวดล้อม-กล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเหตุ ล่าแก๊งชายฉกรรจ์อ้างเป็น ตร.อุ้มสจ๊วร์ตการบินไทย ส่วนหนุ่มสจ๊วตเบี้ยวนัด ตร.เข้าให้ปากคำเพิ่ม เผย รถที่แก๊งคนร้ายใช้มีภรรยาของ ด.ต.สังกัด บก.ปคม.เป็นเจ้าของรถ
จากกรณีที่ นายธเนศ จวบมี อายุ 29 ปี หนุ่มสจ๊วร์ตบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชนิด เสือดาว พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.สายไหม ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังยืนซื้อของอยู่ที่แยกวัชรพลติดตลาดเพิ่มสิน ใกล้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ก็ถูกชายฉกรรจ์ จำนวน 4-5 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาแจ้งให้ทราบว่า ตัวเองมียาเสพติดและมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด ก่อนจะถูกพาขึ้นรถกระบะเชฟโรเลต แบบ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน สช 8546 กทม.ไปสอบสวนภายในลานจอดรถสโมสรตำรวจ ใกล้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเพสติด (บช.ปส.) แต่ได้ฉวยโอกาสจังหวะกลุ่มชายดังกล่าวเผลอวิ่งหนีหลบออกมาได้ ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความนั้น
วันนี้ (14 มี.ค.) พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ ว่า หลังรับแจ้งความก็ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่รถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌฉ 409 กทม.ของผู้เสียหาย ที่ถูกคนร้ายขับไปจอดทิ้งไว้ในซอยวิภาวดีรังสิต 20 แล้ว โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน 2 วันนี้ นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาพยานแวดล้อมทำการสอบปากคำ และตรวจสอบหาภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ รวมไปถึงเส้นทางที่คนร้ายใช้ขับรถพาตัวผู้เสียหายขึ้นรถจากบริเวณที่เกิดเหตุไปจนถึงสโมสรตำรวจด้วย เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้นัดผู้เสียหายมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนี้ ว่า ทางพนักงานสอบสวนได้นัด นายธเนศ มาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ เวลา 10.00 น.แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดินทางมาตามเวลานัดไว้ โดยให้เหตุผลว่า จะเดินทางไปงานศพญาติ ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี ซึ่งจะมีการนัดหมายสอบปากคำอีกครั้งต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่มีข่าวออกมาว่า รถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต 4 ประตู หมายเลขทะเบียน สช 8546 กทม.ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการอุ้มผู้เสียหายนั้นมีภรรยาของ ด.ต.สังกัด บก.ปคม.เป็นเจ้าของรถ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบจนทราบแล้วว่า เจ้าของรถคันดังกล่าว คือ นางลัตติพันธ์ อิทธิเกียรติกุล ซึ่งเป็นภรรยาของ นายวีรวิชญ์ อิทธิเกียรติกุล แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายวีรวิชญ์ เป็น ตร.จริงหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบแฟลตข้าราชการตำรวจ เลขที่ 9/8 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ย่านวัดเสมียนนารี ซึ่งเป็นห้องพักของ นางลัตติพันธ์ แล้วก็ไม่พบตัว และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาสอบปากคำอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของการตรวจสอบภาพวงจรปิดที่บริเวณลานจอดรถที่สโมสรตำรวจนั้น ปรากฏว่า จุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ส่วนกล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้าทางเข้านั้นก็เสียไม่สามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ นอกจากนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ทำการตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายขับไปจอดทิ้งไว้บริเวณซอยวิภาวดีรังสิต 20 ริมถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า หน้าโชว์รูมรถยี่ห้อโฟล์คสวาเก้นนั้นไม่พบรอยนิ้วมือบริเวณพวงมาลัย รวมเบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่ง จึงเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มดังกล่าวน่าจะมีความเชี่ยวชาญในการลบรอยนิ้วมือแฝง และจากการสอบปากคำ รปภ.ของโชว์รูมรถดังกล่าว ก็ให้การว่า เห็นรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เวลา 07.00 น.วานนี้ (13 มี.ค.) แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำมาจอดทิ้งไว้ เพราะปกติบริเวณดังกล่าวนั้น จะมีรถมาจอดอยู่เป็นประจำ
จากกรณีที่ นายธเนศ จวบมี อายุ 29 ปี หนุ่มสจ๊วร์ตบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชนิด เสือดาว พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.สายไหม ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังยืนซื้อของอยู่ที่แยกวัชรพลติดตลาดเพิ่มสิน ใกล้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ก็ถูกชายฉกรรจ์ จำนวน 4-5 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาแจ้งให้ทราบว่า ตัวเองมียาเสพติดและมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด ก่อนจะถูกพาขึ้นรถกระบะเชฟโรเลต แบบ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน สช 8546 กทม.ไปสอบสวนภายในลานจอดรถสโมสรตำรวจ ใกล้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเพสติด (บช.ปส.) แต่ได้ฉวยโอกาสจังหวะกลุ่มชายดังกล่าวเผลอวิ่งหนีหลบออกมาได้ ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความนั้น
วันนี้ (14 มี.ค.) พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ ว่า หลังรับแจ้งความก็ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่รถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌฉ 409 กทม.ของผู้เสียหาย ที่ถูกคนร้ายขับไปจอดทิ้งไว้ในซอยวิภาวดีรังสิต 20 แล้ว โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน 2 วันนี้ นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาพยานแวดล้อมทำการสอบปากคำ และตรวจสอบหาภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ รวมไปถึงเส้นทางที่คนร้ายใช้ขับรถพาตัวผู้เสียหายขึ้นรถจากบริเวณที่เกิดเหตุไปจนถึงสโมสรตำรวจด้วย เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้นัดผู้เสียหายมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนี้ ว่า ทางพนักงานสอบสวนได้นัด นายธเนศ มาสอบปากคำเพิ่มเติมในวันนี้ เวลา 10.00 น.แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เดินทางมาตามเวลานัดไว้ โดยให้เหตุผลว่า จะเดินทางไปงานศพญาติ ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี ซึ่งจะมีการนัดหมายสอบปากคำอีกครั้งต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีที่มีข่าวออกมาว่า รถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต 4 ประตู หมายเลขทะเบียน สช 8546 กทม.ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการอุ้มผู้เสียหายนั้นมีภรรยาของ ด.ต.สังกัด บก.ปคม.เป็นเจ้าของรถ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบจนทราบแล้วว่า เจ้าของรถคันดังกล่าว คือ นางลัตติพันธ์ อิทธิเกียรติกุล ซึ่งเป็นภรรยาของ นายวีรวิชญ์ อิทธิเกียรติกุล แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายวีรวิชญ์ เป็น ตร.จริงหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบแฟลตข้าราชการตำรวจ เลขที่ 9/8 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ย่านวัดเสมียนนารี ซึ่งเป็นห้องพักของ นางลัตติพันธ์ แล้วก็ไม่พบตัว และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาสอบปากคำอีกครั้งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของการตรวจสอบภาพวงจรปิดที่บริเวณลานจอดรถที่สโมสรตำรวจนั้น ปรากฏว่า จุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ส่วนกล้องวงจรปิดบริเวณด้านหน้าทางเข้านั้นก็เสียไม่สามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ นอกจากนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ทำการตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายขับไปจอดทิ้งไว้บริเวณซอยวิภาวดีรังสิต 20 ริมถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า หน้าโชว์รูมรถยี่ห้อโฟล์คสวาเก้นนั้นไม่พบรอยนิ้วมือบริเวณพวงมาลัย รวมเบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่ง จึงเชื่อว่าคนร้ายกลุ่มดังกล่าวน่าจะมีความเชี่ยวชาญในการลบรอยนิ้วมือแฝง และจากการสอบปากคำ รปภ.ของโชว์รูมรถดังกล่าว ก็ให้การว่า เห็นรถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เวลา 07.00 น.วานนี้ (13 มี.ค.) แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำมาจอดทิ้งไว้ เพราะปกติบริเวณดังกล่าวนั้น จะมีรถมาจอดอยู่เป็นประจำ