“ดาบตำรวจ” แก๊งอุ้มสจ๊วร์ตการบินไทยเข้ามอบตัวอ้างได้ข้อมูลสจ๊วร์ตบินไทยพัวพันค้ายา ปัดไม่ได้ทำร้ายแต่มีการฉุดกระชาก เพราะอีกฝ่ายขัดขืน เอาตัวไปสอบที่ลานจอดรถของสโมสรตำรวจจริง ปฏิเสธไม่ได้ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย กำลังจะปล่อยตัวพอดีเจ้าตัวหลบหนีไปได้ก่อน ขณะที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับพรรคพวกอีก 4 โดยมีนายดาบอยู่ในราชการ-ร.ต.อ.นอกราชการร่วมขบวนการด้วย
วันนี้ (16 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ สน.สายไหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ นายธเนศ จวบมี อายุ 29 ปี หนุ่มสจ๊วร์ตบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหม ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ถูกชายฉกรรจ์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าตนมียาเสพติดและมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด ก่อนจะถูกพาขึ้นรถกระบะไปสอบสวนภายในลานจอดรถสโมสรตำรวจ ใกล้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเพสติด (บช.ปส.) แต่วิ่งหนีหลบออกมาได้ จนภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่า รถกระบะคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุมีภรรยาของนายตำรวจยศดาบตำรวจ สังกัด บก.ปคม.เป็นเจ้าของ นั้น ล่าสุด ด.ต.วีรวิชญ์ อิทธิเกียรติกุล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด บก.ปคม.หนึ่งในผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ เนื่องจากรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต แบบ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน สช-8546 กทม.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอุ้มผู้เสียหายไปนั้นมีนางลัตติพันธ์ อิทธิเกียรติกุล ภรรยาของ ด.ต.วีรวิชญ์ เป็นเจ้าของรถ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.ชนิด เสือดาว พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.สายไหม โดยมี พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.ฟารุค มณีวงศ์ รองผกก.สส.สน.สายไหม ร่วมทำการสอบปากคำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางผู้เสียหายให้การว่า รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส รวมทั้งกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือของตัวเองนั้นหายไป ซึ่งพฤติการณ์จึงเข้าข่ายความผิดข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ยาพาหนะ เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายทั้ง 5 ราย จนกระทั่งได้ตัวผู้ต้องสงสัยมา 1 ราย คือ ด.ต.วีรวิชญ์ ซึ่งเป็นสามีของ นางลัตติพันธ์ เจ้าของรถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงทำการประสานให้เจ้าตัวเข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ด.ต.วีรวิชญ์ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า วันเกิดเหตุเจ้าตัวกับพรรคพวกอีก 4 คน ได้เข้าไปพา นายธเนศ จวบดี ผู้เสียหายขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวไปสอบปากคำในลานจอดรถของสโมสรตำรวจจริงตามที่ถูกกล่าวหาโดยที่ไม่ได้รับมอบหมายจากใคร แต่เป็นการทำงานตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่ให้เข้มงวดกวดขันในการจับกุมยาเสพติด โดย ด.ต.วีรวิชญ์ อ้างว่าได้ข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่า นายธเนศ นั้น มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจาก นายธเนศ เคยมีชื่อครอบครองรถยนต์คันหนึ่งที่ก่อเหตุขับแหกด่านตรวจค้นยาเสพติดที่ จังหวัดเชียงราย ตัวเองกับพวก จึงเฝ้าติดตามตัวนายธเนศเรื่อยมา จนกระทั่งมาพบตัวในวันเกิดเหตุ จึงเข้าไปนำตัวนายธเนศ ไปสอบสวนโดยที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่มีการฉุดกระชากกัน เนื่องจากฝ่ายผู้เสียหายไม่ยินยอม โดย ด.ต.วีรวิชญ์ อ้างว่าทำหน้าที่ขับรถกระบะเท่านั้น ไม่ได้ขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไป และเมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่า นายธเนศ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็กำลังจะปล่อยตัวไป แต่นายธเนศหลบหนีออกมาได้ก่อน
รองผบก.น.2 กล่าวว่า เมื่อนำข้อมูลของรถคันดังกล่าวที่ ด.ต.วีรวิชญ์ อ้างว่า เป็นรถของนายธเนศ ที่ขับแหกด่านไปให้นายธเนศดูแล้ว นายธเนศ ก็แจ้งว่าเคยเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวจริง แต่ได้นำไปขายโอนลอยให้กับเต้นท์รถแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯไปเมื่อประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า มีคนมาซื้อต่อไปแล้วนำไปขนยาเสพติดและขับแหกด่าน จึงทำให้ ด.ต.วีรวิชญ์ นำมาเป็นข้อมูลในการอุ้มตนเองไปสวบสวน
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะกับ ด.ต.วีรวิชญ์ โดยหลังจากนี้จะนำตัวไปให้ผู้เสียหายชี้ตัวยืนยัน ก่อนควบคุมตัวส่งฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ โดยไม่ขอรับตัวกลับ สำหรับผู้ก่อเหตุอีก 4 คนที่เหลือนั้น ด.ต.วีรวิชญ์ แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบหมดแล้วว่ามีใครบ้าง โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ราย ชื่อ ด.ต.สนอง ไม่ทราบนามสกุล และเป็นตำรวจนอกราชการอีก 1 ราย คือ ร.ต.อ.สุธี ไม่ทราบนามสกุล ส่วนอีก 2 คนนั้นเป็นพลเรือนทราบแต่เพียงว่าชื่อนายนิคม กับนายแจ็ค ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนหาชื่อจริง-นามสกุล เพื่อทำการขออนุมัติขอออกหมายจับติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ตร.เร่งหาพยาน-วงจรปิดล่าแก๊งอุ้มสจ๊วร์ตบินไทย
วันนี้ (16 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ สน.สายไหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ นายธเนศ จวบมี อายุ 29 ปี หนุ่มสจ๊วร์ตบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สายไหม ว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ถูกชายฉกรรจ์ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าตนมียาเสพติดและมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด ก่อนจะถูกพาขึ้นรถกระบะไปสอบสวนภายในลานจอดรถสโมสรตำรวจ ใกล้กับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเพสติด (บช.ปส.) แต่วิ่งหนีหลบออกมาได้ จนภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลว่า รถกระบะคันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุมีภรรยาของนายตำรวจยศดาบตำรวจ สังกัด บก.ปคม.เป็นเจ้าของ นั้น ล่าสุด ด.ต.วีรวิชญ์ อิทธิเกียรติกุล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด บก.ปคม.หนึ่งในผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ เนื่องจากรถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต แบบ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน สช-8546 กทม.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอุ้มผู้เสียหายไปนั้นมีนางลัตติพันธ์ อิทธิเกียรติกุล ภรรยาของ ด.ต.วีรวิชญ์ เป็นเจ้าของรถ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.ชนิด เสือดาว พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.สายไหม โดยมี พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.ฟารุค มณีวงศ์ รองผกก.สส.สน.สายไหม ร่วมทำการสอบปากคำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางผู้เสียหายให้การว่า รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส รวมทั้งกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือของตัวเองนั้นหายไป ซึ่งพฤติการณ์จึงเข้าข่ายความผิดข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ยาพาหนะ เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายทั้ง 5 ราย จนกระทั่งได้ตัวผู้ต้องสงสัยมา 1 ราย คือ ด.ต.วีรวิชญ์ ซึ่งเป็นสามีของ นางลัตติพันธ์ เจ้าของรถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงทำการประสานให้เจ้าตัวเข้ามาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ด.ต.วีรวิชญ์ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า วันเกิดเหตุเจ้าตัวกับพรรคพวกอีก 4 คน ได้เข้าไปพา นายธเนศ จวบดี ผู้เสียหายขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวไปสอบปากคำในลานจอดรถของสโมสรตำรวจจริงตามที่ถูกกล่าวหาโดยที่ไม่ได้รับมอบหมายจากใคร แต่เป็นการทำงานตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่ให้เข้มงวดกวดขันในการจับกุมยาเสพติด โดย ด.ต.วีรวิชญ์ อ้างว่าได้ข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่า นายธเนศ นั้น มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจาก นายธเนศ เคยมีชื่อครอบครองรถยนต์คันหนึ่งที่ก่อเหตุขับแหกด่านตรวจค้นยาเสพติดที่ จังหวัดเชียงราย ตัวเองกับพวก จึงเฝ้าติดตามตัวนายธเนศเรื่อยมา จนกระทั่งมาพบตัวในวันเกิดเหตุ จึงเข้าไปนำตัวนายธเนศ ไปสอบสวนโดยที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่มีการฉุดกระชากกัน เนื่องจากฝ่ายผู้เสียหายไม่ยินยอม โดย ด.ต.วีรวิชญ์ อ้างว่าทำหน้าที่ขับรถกระบะเท่านั้น ไม่ได้ขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไป และเมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่า นายธเนศ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็กำลังจะปล่อยตัวไป แต่นายธเนศหลบหนีออกมาได้ก่อน
รองผบก.น.2 กล่าวว่า เมื่อนำข้อมูลของรถคันดังกล่าวที่ ด.ต.วีรวิชญ์ อ้างว่า เป็นรถของนายธเนศ ที่ขับแหกด่านไปให้นายธเนศดูแล้ว นายธเนศ ก็แจ้งว่าเคยเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวจริง แต่ได้นำไปขายโอนลอยให้กับเต้นท์รถแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯไปเมื่อประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า มีคนมาซื้อต่อไปแล้วนำไปขนยาเสพติดและขับแหกด่าน จึงทำให้ ด.ต.วีรวิชญ์ นำมาเป็นข้อมูลในการอุ้มตนเองไปสวบสวน
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะกับ ด.ต.วีรวิชญ์ โดยหลังจากนี้จะนำตัวไปให้ผู้เสียหายชี้ตัวยืนยัน ก่อนควบคุมตัวส่งฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ โดยไม่ขอรับตัวกลับ สำหรับผู้ก่อเหตุอีก 4 คนที่เหลือนั้น ด.ต.วีรวิชญ์ แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบหมดแล้วว่ามีใครบ้าง โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ราย ชื่อ ด.ต.สนอง ไม่ทราบนามสกุล และเป็นตำรวจนอกราชการอีก 1 ราย คือ ร.ต.อ.สุธี ไม่ทราบนามสกุล ส่วนอีก 2 คนนั้นเป็นพลเรือนทราบแต่เพียงว่าชื่อนายนิคม กับนายแจ็ค ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนหาชื่อจริง-นามสกุล เพื่อทำการขออนุมัติขอออกหมายจับติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ตร.เร่งหาพยาน-วงจรปิดล่าแก๊งอุ้มสจ๊วร์ตบินไทย