คนร้ายควงลูกโม่ .38 บุกเดี่ยวอย่างใจเย็น เข้าจี้ชิงทรัพย์ “สหกรณ์สหยูเนี่ยน” ใช้เวลาเพียง 1 นาที กวาด 562,000 บาท แล้วควบ จยย.หลบหนีออกประตูหลัง ไม่มี รปภ.ไม่มีกล้องวงจรปิด ตำรวจคาดคนร้ายรู้เส้นทางภายในเป็นอย่างดี น่าจะดูลาดเลาไว้ก่อนลงมือ เร่งตรวจสอบประวัติพนักงานที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้ และส่งกำลังตรวจค้นห้องพักพนักงานต้องสงสัยย่านรามคำแหง หาเบาะแสตามจับคนร้ายต่อไป
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.พ.ต.ท.วิศว ตุวยานนท์ พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ภายในบริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม เขตลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 80 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเปิดเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ พบ น.ส.สุนีรัตน์ เฟื่องชอบ อายุ 49 ปี พร้อมด้วยพนักงานจำนวน 5 คนยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตื่นตระหนก ลิ้นชักที่เคาน์เตอร์ถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนเงินสดที่เก็บไว้ภายในถูกคนร้ายขโมยไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 562,000 บาท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบ
พ.ต.อ.ธวัชเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุพนักงานของบริษัท สหยูเนี่ยน จำนวน 5 คน กำลังปฏิบัติหน้าที่ทำธุรกรรมเบิกถอนเงิน และจ่ายค่างวดเงินกู้ให้กับพนักงานในบริษัท จากนั้นมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30 ปี สูง 165 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด ผิวดำแดง สวมเสื้อยืดสีแดง คลุมทับด้วยแจ็กเกตสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ และใส่ถุงมือสีดำ ขี่จักรยานยนต์แบบผู้หญิงไม่ทราบยี่ห้อ รุ่นและทะเบียน มาจอดที่หน้าสหกรณ์ จากนั้นก็เดินเข้ามาด้านในอย่างใจเย็นและใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จี้บังคับให้พนักงานอยู่ในความสงบ ก่อนจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปเปิดลิ้นชักกวาดเงินไปกว่า 5 แสนบาท แล้ววิ่งมาขึ้นที่จอดไว้หลบหนีไป ใช้เวลาปฏิบัติการ 1 นาที
พ.ต.อ.ธวัชกล่าวอีกว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปทางริมคลองสะพานปูน ซึ่งเป็นทางออกที่อยู่ด้านข้างของบริษัทฯ โดยทางออกดังกล่าวไม่มีพนักงาน รปภ.และไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่ทะลุไปยังชุมชนต่างๆ ได้ คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้เส้นทางภายในบริษัทเป็นอย่างดี และมีการดูลาดเลาเอาไว้ก่อนแล้วจึงก่อเหตุในช่วงเวลากลางวันแสกๆ ได้อย่างใจเย็น ประกอบกับวันที่เกิดเหตุเป็นช่วงต้นเดือน คนร้ายอาจจะรู้ว่าพนักงานเข้ามาทำธุรกรรมหลายอย่าง จนมีเงินเก็บไว้จำนวนมากเลยเข้ามาก่อเหตุ
จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ในสหกรณ์ เบื้องต้นยังไม่ได้สงสัยพนักงานคนใดในบริษัท เนื่องจากสหกรณ์ได้เปิดทำการมานานกว่า 30 ปี ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
“แต่จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ระดับสูง และพนักงานภายในบริษัทฯ พบว่ามีคนงานจำนวนหนึ่งได้ถูกไล่ออกไป และบางส่วนก็ลาออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติของพนักงานทั้งหมดที่ออกจากบริษัทไป รวมถึงคนในที่มีประวัติ พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางในละแวกที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำกำลังไปตรวจค้นภายในห้องพักของพนักงานคนหนึ่ง ย่านรามคำแหงแล้ว ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้ทำงานด้วยความรอบคอบ และเร่งรัดให้จับกุมให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ หลังจากนี้ จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจตราภายในบริษัทให้บ่อยขึ้น และประสานกับทางบริษัทให้จัด รปภ.มาดูแลความปลอดภัยหน้าสหกรรณ์และทางเข้าออกทั้งหมด” พ.ต.อ.ธวัช กล่าว
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.พ.ต.ท.วิศว ตุวยานนท์ พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ภายในบริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม เขตลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 80 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเปิดเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ พบ น.ส.สุนีรัตน์ เฟื่องชอบ อายุ 49 ปี พร้อมด้วยพนักงานจำนวน 5 คนยืนรอให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตื่นตระหนก ลิ้นชักที่เคาน์เตอร์ถูกเปิดทิ้งไว้ ส่วนเงินสดที่เก็บไว้ภายในถูกคนร้ายขโมยไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 562,000 บาท เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบ
พ.ต.อ.ธวัชเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุพนักงานของบริษัท สหยูเนี่ยน จำนวน 5 คน กำลังปฏิบัติหน้าที่ทำธุรกรรมเบิกถอนเงิน และจ่ายค่างวดเงินกู้ให้กับพนักงานในบริษัท จากนั้นมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30 ปี สูง 165 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด ผิวดำแดง สวมเสื้อยืดสีแดง คลุมทับด้วยแจ็กเกตสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ และใส่ถุงมือสีดำ ขี่จักรยานยนต์แบบผู้หญิงไม่ทราบยี่ห้อ รุ่นและทะเบียน มาจอดที่หน้าสหกรณ์ จากนั้นก็เดินเข้ามาด้านในอย่างใจเย็นและใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จี้บังคับให้พนักงานอยู่ในความสงบ ก่อนจะกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ไปเปิดลิ้นชักกวาดเงินไปกว่า 5 แสนบาท แล้ววิ่งมาขึ้นที่จอดไว้หลบหนีไป ใช้เวลาปฏิบัติการ 1 นาที
พ.ต.อ.ธวัชกล่าวอีกว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปทางริมคลองสะพานปูน ซึ่งเป็นทางออกที่อยู่ด้านข้างของบริษัทฯ โดยทางออกดังกล่าวไม่มีพนักงาน รปภ.และไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่ทะลุไปยังชุมชนต่างๆ ได้ คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้เส้นทางภายในบริษัทเป็นอย่างดี และมีการดูลาดเลาเอาไว้ก่อนแล้วจึงก่อเหตุในช่วงเวลากลางวันแสกๆ ได้อย่างใจเย็น ประกอบกับวันที่เกิดเหตุเป็นช่วงต้นเดือน คนร้ายอาจจะรู้ว่าพนักงานเข้ามาทำธุรกรรมหลายอย่าง จนมีเงินเก็บไว้จำนวนมากเลยเข้ามาก่อเหตุ
จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ในสหกรณ์ เบื้องต้นยังไม่ได้สงสัยพนักงานคนใดในบริษัท เนื่องจากสหกรณ์ได้เปิดทำการมานานกว่า 30 ปี ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
“แต่จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ระดับสูง และพนักงานภายในบริษัทฯ พบว่ามีคนงานจำนวนหนึ่งได้ถูกไล่ออกไป และบางส่วนก็ลาออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติของพนักงานทั้งหมดที่ออกจากบริษัทไป รวมถึงคนในที่มีประวัติ พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางในละแวกที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำกำลังไปตรวจค้นภายในห้องพักของพนักงานคนหนึ่ง ย่านรามคำแหงแล้ว ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้ทำงานด้วยความรอบคอบ และเร่งรัดให้จับกุมให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ หลังจากนี้ จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจตราภายในบริษัทให้บ่อยขึ้น และประสานกับทางบริษัทให้จัด รปภ.มาดูแลความปลอดภัยหน้าสหกรรณ์และทางเข้าออกทั้งหมด” พ.ต.อ.ธวัช กล่าว