xs
xsm
sm
md
lg

“โฮมีโอพาร์ธี” วิถี “พิษตัดพิษ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทุกวันนี้ผู้ใส่ใจสุขภาพหลายราย พยายามจะหาศาสตร์การแพทย์ทางเลือกมาเป็นคำตอบในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนฟื้นฟูบำรุงรักษาสุขภาพ แทนที่การรักษาแบบกินยาอย่างที่นิยมกันในรูปแบบของการรักษาแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยเฉพาะมีงานวิจัยไม่น้อยที่ระบุว่า การกินยาแผนปัจจุบันเป็นเวลานานๆ อาจเสี่ยงต่อการสะสมของยา การตกค้างของสาร ซึ่งอาจส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวได้

“โฮมีโอพาร์ธี” อาจจะเป็นคำที่ไม่คุ้นหูคนไทยมากนัก และยังคงเป็นที่รู้จักกันในวงแคบๆ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า วิถีดังกล่าวเป็นการบำบัดโรคแขนงหนึ่ง ที่สืบทอดกันมานับพันปี และเป็นอีกทางเลือกที่ดี ในการที่จะนำไปดูแลรักษาสุขภาพ

“โฮมีโอพาธีย์ เป็นการแพทย์ทางเลือกที่เก่าแก่ มีมากว่าสามพันปีแล้ว โดยแนวคิดของฮิบโปเครติส ผู้เป็นบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันที่ว่า การใช้สิ่งที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยในคนปกติ สามารถนำมาใช้บำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยได้โดยผ่านกรรมวิธีบางอย่าง แนวคิดนี้คือการรักษาผู้ป่วยโดยตัวยาจากในธรรมชาติ ทั้งพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุต่างๆ ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับอาการป่วยนั้น จะเรียกว่าใช้พิษต้านพิษก็ไม่ผิดนัก”

นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ ผอ.สำนักการแพทย์ทางเลือก เริ่มเล่าประวัติของศาสตร์การแพทย์ทางเลือกอันน่าสนใจแขนงนี้ ก่อนจะอธิบายต่อไปว่า การแพทย์แขนงนี้สืบทอดกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1800 แซมมวล ฮานนีมาน แพทย์ชาวเยอรมัน ได้พัฒนากรรมวิธีให้เป็นระบบและมาตรฐานมากขึ้น และจนทุกวันนี้ โฮมีโอพาร์ธี กลายเป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุโรป อเมริกา และอินเดีย กระทั่งราชวงศ์อังกฤษเอง ก็เลือกที่จะใช้ศาสตร์นี้ในการบำบัดรักษาโรค คู่ไปกับแพทย์แผนปัจจุบันเช่นกัน

“สำหรับในเมืองไทย ยังคงเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่เชื่อว่า อีกไม่นานน่าจะมีผู้รู้จักมากขึ้น เพราะเพิ่งจะมีการอบรมแพทย์ที่สนใจเรียนศาสตร์นี้รุ่นแรกจบไป ตอนแรกมีสมัครเข้ามา 48คน แต่จบหลักสูตรไป 37 คน ซึ่งหมอเหล่านี้กระจายอยู่ในหลายจังหวัดทั้งรพ.รัฐและเอกชน อีกหน่อยคนไทยก็น่าจะรู้จักมากขึ้น”

ผอ.สำนักการแพทย์ทางเลือก ให้ภาพการรักษาด้วยศาสตร์นี้อย่างง่ายๆ ว่า โฮมีโอพาร์ธี คือการบำบัดรักษาอาการโดยใช้สิ่งที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ รักษาอาการผิดปกติที่ใกล้เคียงที่เกิดกับคนไข้ โดยสิ่งที่ใช้จะมาจากธรรมชาติที่ผ่านกรรมวิธีจนออกมาเป็นยาโฮมีโอพาร์ธีแล้ว
 

“เช่น เบลลาดอนน่าที่เมื่อใช้กับคนปกติในระดับหนึ่งจะทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย แต่หากเอาไปใช้กับคนที่มีอาการคล้ายกับถูกพิษของเบลลาดอนน่าอยู่แล้ว อาการจะหายไป หรือหัวหอมที่ทำให้น้ำตาไหล น้ำมูกไหล คัดจมูก เหมือนเป็นหวัด เมื่อเอามาใช้กับคนเป็นหวัด ปรากฏว่าอาการหวัดดีขึ้นและหายได้ นี่คือหลักคร่าวๆ ของโฮมีโอพาร์ธี”

ส่วนกรรมวิธีการทำยาของโฮมีโอพาร์ธีนั้น นพ.เทวัญ อธิบายว่า นำสารตั้งต้น คือ สมุนไพรนั้นๆ มาทำละลายในแอลกอฮอล์เข้มข้น จากนั้นนำมาผสมสารละลาย เช่น น้ำ หรือแอลกอฮอล์ด้วยอัตรา สารละลายสมุนไพร 1 ส่วน ต่อน้ำหรือแอลกอฮอล์ 9 ส่วน แล้วเขย่าขึ้นลงในแนวดิ่ง 10 ครั้ง จะได้ออกมาเป็นสารที่มีความแรง 1D แล้วนำสารที่มีความแรงขนาด 1 D มา 1 ส่วน ผสมกับแอลกอฮอล์หรือน้ำอีก 9 ส่วนแล้วเขย่าขึ้นลงในแนวดิ่งอีก 10 ครั้ง จะเรียกว่า มีความแรงขนาด 2D ทำต่อเนื่องไปเรื่อย ส่วนใหญ่แล้วยาจะมีประสิทธิผลจะต้องมีความเข้มข้นของการเขย่า มากกว่า 6D
 

“ไม่ว่าจะมีการทำตัวยาออกมาในรูปแบบความแรงแบบไหน จะต้องนำตัวยาที่ได้มาบรรจุลงในพาหะนำยาเข้าสู่ร่างกายในรูปแบบของเม็ดน้ำตาลทราย หรือพาหะตัวอื่นๆ แล้วแต่ผู้ผลิต และวิธีการนำไปใช้ ใช้โดยการอมเม็ดยาที่ได้นั้น หรือนำเม็ดยาไปละลายน้ำดื่มอีกครั้งก็ได้ โดยยาแบบเม็ดน้ำตาล ใช้ละลายในน้ำเปล่าที่สะอาดประมาณ 30-240 cc รอจนยาละลายหมด กระแทกขวดยาที่ละลายแล้วแนวตั้งตรงกับฝ่ามือ 10 ครั้งก่อนใช้ทุกครั้ง เทใส่ปากหรือหยดใส่ปาก ประมาณ 10 cc โดยอมไว้ ประมาณ 10-30 วินาที แล้วกลืนโดยต้องทำให้ปากว่างอย่างน้อย 15 นาที ทั้งจากอาหาร เครื่องดื่ม ยาสีฟัน ชา กาแฟ หรืออาจกินโดยการอมเม็ดยาเลยก็ได้”
 
นพ.เทวัญ ทำความเข้าใจในข้อที่คนมักเข้าใจผิดว่า จริงๆ แล้วการทำละลายตัวยาโฮมีโอพาร์ธีหลายครั้ง หลายคนเข้าใจว่า เป็นการเจือจางตัวยา ทำให้เป็นพิษน้อยลง แล้วพาลไม่กล้ากินยาโฮมีโอพาร์ธี โดยเข้าใจว่าเป็นการกินพิษเข้าไป กลัวจะเป็นอันตราย ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะการทำละลายตัวยาหลายหน คือ การ “ขยายสัญญาณการรักษา” ของสารในตัวยานั้นๆ ให้เพิ่มมากขึ้น
 

“การทำละลายหลายหนไม่ได้เจือจางยา แต่เป็นการขยายสัญญาณการรักษาให้เข้มข้นขึ้น พิษจะหายไป แต่ Information ที่เป็นสัญญาณการรักษาจะถูกขยายและอยู่ในยา เมื่อนำมาใช้มันจะกลายเป็นยา เป็นการรักษาแบบใช้ Signal คือ ใช้สัญญาณการรักษาที่ได้จากสารตั้งต้น จากสมุนไพรนั้นเป็นยา ซึ่งถ้าศึกษาลึกๆ แล้วจะทราบว่าโฮมีโอพาร์ธีเป็นการรักษาแบบภายใน เวลาหมอซักประวัติคนไข้จะซักลึกมาก ว่าอาการเป็นอย่างไร กินอย่างไร นอนอย่างไร ฝันอย่างไร ซักกันราวหนึ่งชั่วโมงหรืออาจจะกว่านั้น กว่าจะเลือกจ่ายยาได้นี่ใช้เวลานาน แล้วก็ใช้เวลารักษานาน ค่อยๆ ปรับยาไป ผลข้างเคียงน้อยมาก ถือว่าปลอดภัยกว่าแผนปัจจุบัน เพราะถึงจ่ายยาไม่ถูกโรค หรือกินยาแล้วไม่หาย แสดงว่า อาจจะจัดยาไม่ถูกขนานหรือจ่ายไม่ถึงขนาด ก็เท่ากับที่คนไข้กินเข้าไปมีค่าเท่ากับน้ำเปล่าเท่านั้น ไม่มีการสะสมในร่างกาย”
 

ในขณะที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ศาสตร์ทางเลือกแขนงนี้รักษาผู้ป่วยมานานกว่า 3 ปีอย่างรศ.นพ.อมร เปรมกมล แห่งภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และแพทย์ประจำศูนย์สุขภาพชุมชน ร่วมเปิดประสบการณ์ว่า ได้ประยุกต์เอาศาสตร์โฮมีโอพาร์ธี ผสมผสานกับแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย รวมกับการแนะนำให้ละเว้นของแสลงต่างๆ ในการรักษาผู้ป่วยในพื้นที่มาราว 3-4 ปีแล้ว ปรากฏว่า ได้ผลดี และที่สำคัญคือ ราคาถูกจนสามารถรักษาฟรีได้
 

“โฮมีโอพาร์ธีเป็นการรักษาที่ถูก แม้ในขณะนี้เราต้องสั่งยาจากต่างประเทศ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานไทยจะผลิตได้เอง เพราะเรามีวัตถุดิบคือสมุนไพรมาก ส่วนการผลิตนั้นไม่ยาก อาศัยความรู้ด้านเภสัชทั่วไปก็ทำได้ หัวใจจริงๆ อยู่ที่ความชำนาญของแพทย์ ว่าจะเลือกใช้ยาตำรับไหน ใช้ปริมาณเท่าไหร่”
 

รศ.นพ.อมร กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน มักจะพบผู้ป่วยโรคปวดต่างๆ และโรคภูมิแพ้ ซึ่งผลการรักษาด้วยโฮมีโอพาร์ธี พบว่าสามารถรักษาทั้งสองกลุ่มอาการได้เป็นอย่างดี

“ที่ผ่านมา มีก็โรคแปลกๆ ที่แพทย์แผนปัจจุบันถอดใจไม่รักษามาหาเหมือนกัน ก็รักษา บางรายหาย แต่บางรายก็ไม่ อาจจะเป็นด้วยเราอาจจะชำนาญในการสั่งยาไม่พอ แต่ผมคิดว่าสำหรับผู้ที่ป่วยและหาทางเลือกในการรักษาที่ส่งผลข้างเคียงน้อย ปลอดภัย หรือกระทั่งป่วยด้วยโรคหนักๆ โฮมีโอพาร์ธีอาจจะเป็นคำตอบที่ดีอีกตัวหนึ่งที่คุณกำลังตามหา” แพทย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน มข.รายนี้ทิ้งท้าย









กำลังโหลดความคิดเห็น