“เทือก” นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติรับคดีภรรยาอัยการประจำจังหวัดจ.สุราษฎร์ธานี ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเป็นคดีพิเศษ หลังพบผู้ตายขัดแย้งกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เกี่ยวกับเรื่องซื้อขายที่ดิน และยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้วจ้างวาน
วันนี้ (28 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 1/2554 ที่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยที่ประชุมมีมติรับคดี นางสุชา กลีบบัว อายุ 46 ปี ภรรยาอัยการประจำจังหวัดจ.สุราษฎร์ธานี และกรรมการผู้จัดการบริษัทวิภาวดี แพลนท์ จำกัด เจ้าของโครงการปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนพลังงานตามโครงการรัฐบาล ปี พ.ศ.2549-2552 ในพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งพื้นที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเป็นคดีพิเศษและให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ย.2553 เวลาประมาณ 17.10 น.ขณะเกิดเหตุ นางสุชา กลีบบัว ได้โดยสารรถประจำทางสายราชบุรี-โป่งกระทิง เมื่อรถวิ่งไปถึงหน้าศูนย์พลังงานทดแทน หมู่ที่ 1 ต.เกาะพลับพลา อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ได้มีคนร้ายขึ้นรถโดยสารและใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ยิง นางสุชา จำนวน 3 นัดจนถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไป
จากการสืบสวนของดีเอสไอเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายขัดแย้งกับผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญในพื้นที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินและมีข้าราชการสนับสนุนการกระทำความผิด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้ใช้ จ้างวานและผู้สนับสนุน คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่าเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีมติให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
และ กคพ.มีมติรับกรณีกลุ่มบุคคลอ้างตัวตันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย โดยมีการกระทำกันเป็นกระบวนการ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบ 1.การออกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกับภารกิจของดีเอสไอที่เพิ่มมากขึ้น
2.เห็นชอบประกาศ กคพ.ฉบับที่ 4 พ.ศ.2554 เรื่อง กำหนดรายละเอียดลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเดิมคดีใดเป็นคดีพิเศษ จะพิจารณาจากจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหาย มาเป็นพิจารณาตามลักษณะของการกระทำความผิดแทน
3.เห็นชอบการเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 จำนวน 24 ประเภทกฎหมาย ประกอบด้วยกฏหมายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค ธุรกิจสถาบันการเงิน การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การป้องกันปราบปรามการค้าประเวณี การประกันภัย การประกันวินาศภัย รวมถึงประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ
วันนี้ (28 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 1/2554 ที่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยที่ประชุมมีมติรับคดี นางสุชา กลีบบัว อายุ 46 ปี ภรรยาอัยการประจำจังหวัดจ.สุราษฎร์ธานี และกรรมการผู้จัดการบริษัทวิภาวดี แพลนท์ จำกัด เจ้าของโครงการปลูกปาล์มน้ำมันทดแทนพลังงานตามโครงการรัฐบาล ปี พ.ศ.2549-2552 ในพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งพื้นที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเป็นคดีพิเศษและให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ย.2553 เวลาประมาณ 17.10 น.ขณะเกิดเหตุ นางสุชา กลีบบัว ได้โดยสารรถประจำทางสายราชบุรี-โป่งกระทิง เมื่อรถวิ่งไปถึงหน้าศูนย์พลังงานทดแทน หมู่ที่ 1 ต.เกาะพลับพลา อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ได้มีคนร้ายขึ้นรถโดยสารและใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ยิง นางสุชา จำนวน 3 นัดจนถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไป
จากการสืบสวนของดีเอสไอเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายขัดแย้งกับผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญในพื้นที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินและมีข้าราชการสนับสนุนการกระทำความผิด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้ใช้ จ้างวานและผู้สนับสนุน คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่าเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีมติให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
และ กคพ.มีมติรับกรณีกลุ่มบุคคลอ้างตัวตันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย โดยมีการกระทำกันเป็นกระบวนการ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบ 1.การออกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นการปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกับภารกิจของดีเอสไอที่เพิ่มมากขึ้น
2.เห็นชอบประกาศ กคพ.ฉบับที่ 4 พ.ศ.2554 เรื่อง กำหนดรายละเอียดลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเดิมคดีใดเป็นคดีพิเศษ จะพิจารณาจากจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหาย มาเป็นพิจารณาตามลักษณะของการกระทำความผิดแทน
3.เห็นชอบการเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรค 1 จำนวน 24 ประเภทกฎหมาย ประกอบด้วยกฏหมายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค ธุรกิจสถาบันการเงิน การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การป้องกันปราบปรามการค้าประเวณี การประกันภัย การประกันวินาศภัย รวมถึงประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ
