“ธาริต” เย้ยแก๊งแดงคดีตายจากการชุมนมฟ้องศาลระหว่างประเทศไม่ได้ เหตุไทยไม่ได้เป็นสมาชิก แถมคดีก็ไม่อยู่ในขอบข่ายที่จะรับพิจารณา เชื่อ ต่างชาติไม่แทรกแซงกิจการภายใน เผย บอร์ดดีเอสไอ รับคดียิงเมียอัยการเสียชีวิตคารถโดยสาร ที่สวนผึ้งเป็นคดีพิเศษ พร้อมเพิ่ม 24 มูลฐานความผิด ขยายขอบเขตการรับทำคดี
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีที่มีผู้เสียชีวิตในช่วงของการชุมนุมป่วนเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเม.ย.-พ.ค.2553 ว่า เราคงทำการสอบสวนต่อไปเพื่อคลี่คลายให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่คงทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องที่ส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นั้นก็คงต้องไปติดตามกับ บช.น.เอง ดีเอสไอคงไปก้าวล่วงไม่ได้
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำคดีของการเสียชีวิตในช่วงการชุมนุมไปฟ้องศาลระหว่างประเทศนั้น นายธาริต กล่าวว่า คงไม่ใช่หน้าที่ของดีเอสไอในการเตรียมการชี้แจง เพราะดีเอสไอเป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น เรื่องการชี้แจงเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศมากกว่าเพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้ ดีเอสไอก็กำลังติดตามอยู่
“ผมไม่อยากแสดงคิดเห็น แต่ว่าเมื่อถูกถามก็อยากบอกความเห็นส่วนตัวในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่ง ผมเห็นเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะดำเนินการในศาลอาญาระหว่างประเทศได้ เพราะมันไม่อยู่ในกรอบของศาลอาญาระหว่างประเทศจะพิจารณาได้ ไม่ว่าจะกรณีที่เราไม่ได้เป็นสมาชิก แล้วลักษณะของการกระทำก็ไม่อยู่ในขอบข่ายที่จะทำได้ด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแล้วต่างชาติจะมีโอกาสมาแทรกแซงกิจการภายในประเทศหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า อำนาจอธิปไตยของแต่ละประเทศจะได้รับการยอมรับซึ่งเป็นหลักสากล ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความวุ่นวายหากหน่วยใดก็สามารถเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในได้ เพราะฉะนั้นนี่เป็นหลักทั่วไปอยู่แล้ว
นายธาริต กล่าวว่าในการประชุม กคพ.ที่ประชุมเห็นชอบการออกกฎกระทรวงกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 24 ประเภท จากเดิม 27 ประเภท อาทิ คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คดียาเสพติด คดีสถาบันการเงิน คดีการค้ามนุษย์ และคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบรับคดีความผิดทางอาญา 2 เรื่องเป็นคดีพิเศษ ได้แก่ 1.กรณีนางสุชา กลีบบัว ภริยาอัยการประจำจังหวัด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตบนรถประจำทางสายราชบุรี-สวนผึ้ง ขณะกำลังเดินทางไป อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เนื่องจากแนวทางการสืบสวน พบว่า เป็นกรณีขัดแย้งกับผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน และมีข้าราชการสนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้จ้างวานและสนับสนุน และ 2.กรณีเครือข่ายตำรวจเรียกเก็บส่วย รีดไถ่ จากผู้ประกอบการ และสถานบันเทิงในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ตอนล่าง พัทยา และ กทม.เนื่องจากมีหลักฐานการเรียกรับเงิน จึงให้รับทั้ง 2 เรื่องเป็นคดีพิเศษ
