00..."น่าจะเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายน่าจะมีโอกาสพูดคุยกัน แล้วให้ทางตำรวจเป็นคนกลาง เพราะทางเจ้าหน้าที่พยายามดูแลว่าผู้ชุมนุมใช้สิทธิได้ตามรัฐธรรมนูญ สร้างความเดือดร้อน แต่ที่ผ่านมาอาจจะมีบางประเด็นที่ยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมตนชี้ให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมได้พูดคุยกันล่วงหน้าและพยายามหาแนวทางที่มันเหมาะสม แต่จะมีแนวทางที่เหมาะสมขึ้นมากอย่างไร ทั้งสามฝ่ายจะคุยกันเอง จะไม่ได้มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง"
นั่นคือคำพูดของ"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ที่ได้ตอบคำถามสื่อ กรณีถูกถามการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ที่เขาได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
จากคำพูดดั่งว่า 3 ฝ่ายหมายถึง ผู้ประกอบการค้า กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนรัฐบาล"มาร์ค"ไม่เกี่ยว...ซึ่งถือเป็นคำพูดที่อาจบอกได้ว่า ปัดความรับผิดชอบแบบสุดๆเพราะหากเกิดความผิดพลาดในการแก้ปัญหา หรือ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ไม่เกี่ยวกับ รัฐบาล โดยผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ ตำรวจ และกลุ่มผู้ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปดูการแก้ปัญหาม็อบคนเสื้อแดงในยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ บริหารประเทศ คือ กรณีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 ที่แม้การชุมนุมในครั้งนั้น จะถูกกล่าวหาว่า เป็นการชุมนุมเพื่อคนคนเดียวคือ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"ก็ตามที แต่การที่ นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ปล่อยให้ปัญหาการชุมนุม ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน อีกทั้ง การแก้ปัญหาที่ไม่เด็ดขาดของนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ อย่างใหญ่หลวง มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต เกิดเหตุการเผาบ้าน เผาเมือง เศรษฐกิจย่านบริเวณเกิดเหตุย่อยยับ แม้ขณะนี้ จะยังไม่เป็นที่สรุปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า บุคคลเหล่านั้น เสียชีวิตจากการกระทำของฝ่ายใด แต่ถือว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ยากที่จะปัดความรับผิดชอบ
จากปัญหาการชุมนุม ที่สร้างความแตกแยกของคนในชาติ นายอภิสิทธิ์ ต้องบังคับคับใช้กฎหมาย ตามหลักนิติรัฐอย่างแท้จริง ผู้ใดกระทำความผิด ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ผู้ใดคือผู้บริสุทธิ์ นายอภิสิทธิ์ ต้องให้ความเป็นธรรม กับพวกเขา
แต่เมื่อวันนี้ วันที่แผนปรองดองแห่งชาติ ของรัฐบาลมาร์ค กำลังดำเนินอยู่ ท่ามกลางยุคท้ายของรัฐบาล จึงทำให้เห็นภาพแห่งความพยายามที่จะปลดปล่อยผู้กระทำผิดกฎหมาย และเมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงเปิดเกมรุกชุมนุม ขับไล่รัฐบาลอีกครั้ง เหตุไฉน จึงโยนความรับผิดชอบไปให้ ตำรวจ ละครับท่านผู้นำ!
00...จากภารกิจแก้ปัญหาม็อบเสื้อแดงแยกราชประสงค์ ที่"พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี"ผบ.ตร.รับผิดชอบไปแบบเต็มๆ..แต่สำหรับท่าน ผบ.ตร.จะภูมิใจกับภารกิจนี้หรือไม่ ก็มิทราบได้
อย่างไรก็ตามเมื่อ ท่านวิเชียร ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดแห่งกรมปทุมวันแล้ว ท่านต้องศึกษาชีวิตจริงของนักการเมืองให้ถ่องแท้ โดยเฉพาะนักการเมือง "พรรคประชาธิปัติย์" จำเป็นต้องศึกษาย้อนไปสู่อดีตตั้งแต่ ก่อตั้งพรรค จนถึง ยุคปัจจุบัน เพราะหากไม่รู้จริง ท่านอาจจะอยู่ไม่ถึงเกษียณเอาแบบไม่มีเหตุผล
วันก่อนเห็นท่าน ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดห้องสมุด โรงเรียนเปรมติณสูลานนท์ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของท่าน โดยท่านด่วนสรุปว่า"น่าจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับองคมนตรี"
แต่หลังจาก"ผบ.ตร."พูดวันถัดมา เจ้ากระทรวงศึกษาธิการ"นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ"ฟันธงว่า กรณีดังกล่าว เป็นเรื่องการเมือง เพราะเกิดขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องติดตามผู้ที่กระทำความผิดในเรื่องนี้โดยด่วน
นั่นคือ ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับ ผบ.ตร.ผู้ใสซื่อ และด้วยความปราถนาดี อยากเห็นท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้นานๆ จึงขอให้ท่าน ศึกษาข้อมูล หรือ สอบถามลูกน้องให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อน ที่จะพูดอะไรออกมา เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆถ้าหากพูด ผิดพลาดบ่อยๆก็จะทำให้ความน่าเชื่อถือ ลดน้อยลงไป อีกทั้ง งานสำคัญที่นายกฯมาร์ค มอบภารกิจให้ ท่าน ผบ.ตร.แก้ปัญหาม็อบราชประสงค์ ซึ่งหาก ตำรวจแก้ไม่ได้ ก็อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ผบ.ตร.เอาแบบไร้เหตุผลก็เป็นได้ครับท่าน!
