เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวัง รปภ.แบงก์กรุงเทพสาขาพระราม 2 ตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันเกิดซ้ำ พร้อมประสานแขวงการทางเพิ่มไฟสว่างตามท้องถนนให้มากขึ้น ส่วนกล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ เนื่องจากช่วงที่เกิดเหตุทิศทางของกล้องกลับหันไปจับภาพเฝ้าระวังเหตุบริเวณตู้เอทีเอ็ม และลานจอดรถด้านหน้าธนาคารมากกว่า
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 กล่าวถึงกรณีคนร้ายปาระเบิดขว้างสังหารชนิด เอ็ม 67 ใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 ถนนพระราม 2 ซอย 65 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมาแต่ระเบิดไม่ทำงาน และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้ว่า วันนี้เป็นวันที่ธนาคารทุกแห่งเปิดให้บริการเป็นวันแรกหลังจากที่ปิดทำการในช่วงวันหยุดยาวถึง 3 วัน โดยตนได้เตรียมมาตรการเฝ้าระวังเหตุซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.9 ปฏิบัติตามแผน ว.4-ว.10 คือให้สลับสับเปลี่ยนกันคอยตรวจตราพื้นที่ล่อแหลม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และร้านทอง ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครแจ้งข่าวอาชญากรรม ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนมาร่วมเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ด้วย โดยเฉพาะสายลับเสื้อส้ม หรือสายลับตาสับปะรด ที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้ทำการปล่อยแถวออกตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ซึ่งทำให้ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในพื้นที่ บก.น.9 แต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.ยุคลเดช ตันสกุล ผกก.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนสามารถสอบปากคำพยานแวดล้อมไปได้เพียง 1 ปาก ส่วนกล้องวงจรปิดของธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 นั้น ไม่สามารถจับภาพความเคลื่อนไหวใดๆ ไว้ได้ เนื่องจากมุมกล้องหันในทิศทางที่แคบจนเกินไป แต่ได้ประสานให้ผู้บริหารปรับเปลี่ยนทิศทางออกมาทางถนนใหญ่ให้มากยิ่งขึ้นแล้ว สำหรับผลตรวจลายนิ้วมือแฝงบนลูกระเบิดของกลางที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นพบแค่เพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการจัดกำลังตำรวจไปเฝ้าสังเกตการณ์ตามแผนรักษาความปลอดภัยร่วมกับพนักงาน รปภ.ของธนาคารกรุงเทพสาขาดังกล่าวแล้วตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้มีการปรับสภาพภูมิทัศน์ในพื้นที่ เพื่อเป็นการลดโอกาสให้คนร้ายใช้ในการก่อเหตุด้วย คือ มีการประสานให้แขวงการทางเพิ่มไฟส่องสว่างตามท้องถนนให้มากขึ้น และประสานให้สำนักงานเขตบางขุนเทียน ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ให้ดูโล่งขึ้นด้วย
ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผกก.สส.บก.น.9 กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.9 ออกไปประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ลอบปาระเบิดในคืนวันเดียวกันให้มากที่สุด
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 นั้น ไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ เนื่องจากช่วงที่เกิดเหตุทิศทางของกล้องกลับหันไปจับภาพเฝ้าระวังเหตุบริเวณตู้เอทีเอ็ม และลานจอดรถด้านหน้าธนาคารมากกว่า
พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มใด แต่เท่าที่ดูแล้ว คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 ชุด ซึ่งในช่วงเวลา 20.00 น.วันนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.จะมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีนี้อีกครั้งที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 ซึ่งตกเป็นเป้าหมายการปาระเบิดของคนร้ายเมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.อีกครั้ง พบว่าบรรยากาศยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเข้าคิวต่อแถวรอทำธุรกรรมกับทางธนาคารตามปกติ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจำนวน 2 นายคอยรักษาความปลอดภัยด้านในร่วมกับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของทางธนาคาร
ส่วนบริเวณด้านนอกเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนคอยซุ่มโป่งตรวจตราความเคลื่อนไหว และเฝ้าระวังเหตุ นอกจากนี้ยังมีรถกระบะตราโล่ของ สน.ท่าข้าม จำนวน 2 คัน มาจอดไว้บริเวณด้านหน้าและด้านข้างธนาคารด้วย
จากการสอบถาม นางวรรณดี มีมา อายุ 54 ปี ซึ่งเดินทางมาทำธุรกรรมกับทางธนาคาร กล่าวว่า ตนเดินทางมาฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคารแห่งนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีคนร้ายนำระเบิดมาปาใส่ที่ธนาคารตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 27 ก.พ.แล้ว แต่ที่มาในวันนี้ไม่รู้สึกกลัว เพราะอุ่นใจที่เห็นตำรวจมาคอยดูแลและอยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้เร็วๆ จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงกลุ่มคนร้ายด้วยว่า ทุกวันนี้รู้สึกว่าคนในชาติเราขาดความสามัคคี แต่ตนอยากให้คนร้ายกลับใจเป็นคนดี บ้านเมืองเราจะได้สงบสุขปลอดภัยกลับสู่สภาวะการณ์ปกติในเร็ววันเสียที
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 กล่าวถึงกรณีคนร้ายปาระเบิดขว้างสังหารชนิด เอ็ม 67 ใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 ถนนพระราม 2 ซอย 65 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมาแต่ระเบิดไม่ทำงาน และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้ว่า วันนี้เป็นวันที่ธนาคารทุกแห่งเปิดให้บริการเป็นวันแรกหลังจากที่ปิดทำการในช่วงวันหยุดยาวถึง 3 วัน โดยตนได้เตรียมมาตรการเฝ้าระวังเหตุซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.9 ปฏิบัติตามแผน ว.4-ว.10 คือให้สลับสับเปลี่ยนกันคอยตรวจตราพื้นที่ล่อแหลม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และร้านทอง ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครแจ้งข่าวอาชญากรรม ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนมาร่วมเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ด้วย โดยเฉพาะสายลับเสื้อส้ม หรือสายลับตาสับปะรด ที่ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้ทำการปล่อยแถวออกตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ซึ่งทำให้ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเวลานี้ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในพื้นที่ บก.น.9 แต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.ยุคลเดช ตันสกุล ผกก.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนสามารถสอบปากคำพยานแวดล้อมไปได้เพียง 1 ปาก ส่วนกล้องวงจรปิดของธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 นั้น ไม่สามารถจับภาพความเคลื่อนไหวใดๆ ไว้ได้ เนื่องจากมุมกล้องหันในทิศทางที่แคบจนเกินไป แต่ได้ประสานให้ผู้บริหารปรับเปลี่ยนทิศทางออกมาทางถนนใหญ่ให้มากยิ่งขึ้นแล้ว สำหรับผลตรวจลายนิ้วมือแฝงบนลูกระเบิดของกลางที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นพบแค่เพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการจัดกำลังตำรวจไปเฝ้าสังเกตการณ์ตามแผนรักษาความปลอดภัยร่วมกับพนักงาน รปภ.ของธนาคารกรุงเทพสาขาดังกล่าวแล้วตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้มีการปรับสภาพภูมิทัศน์ในพื้นที่ เพื่อเป็นการลดโอกาสให้คนร้ายใช้ในการก่อเหตุด้วย คือ มีการประสานให้แขวงการทางเพิ่มไฟส่องสว่างตามท้องถนนให้มากขึ้น และประสานให้สำนักงานเขตบางขุนเทียน ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ให้ดูโล่งขึ้นด้วย
ด้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผกก.สส.บก.น.9 กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.9 ออกไปประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ลอบปาระเบิดในคืนวันเดียวกันให้มากที่สุด
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 นั้น ไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ เนื่องจากช่วงที่เกิดเหตุทิศทางของกล้องกลับหันไปจับภาพเฝ้าระวังเหตุบริเวณตู้เอทีเอ็ม และลานจอดรถด้านหน้าธนาคารมากกว่า
พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มใด แต่เท่าที่ดูแล้ว คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 ชุด ซึ่งในช่วงเวลา 20.00 น.วันนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.จะมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีนี้อีกครั้งที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์บริเวณด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 ซึ่งตกเป็นเป้าหมายการปาระเบิดของคนร้ายเมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.อีกครั้ง พบว่าบรรยากาศยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาเข้าคิวต่อแถวรอทำธุรกรรมกับทางธนาคารตามปกติ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบจำนวน 2 นายคอยรักษาความปลอดภัยด้านในร่วมกับเจ้าหน้าที่ รปภ.ของทางธนาคาร
ส่วนบริเวณด้านนอกเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนคอยซุ่มโป่งตรวจตราความเคลื่อนไหว และเฝ้าระวังเหตุ นอกจากนี้ยังมีรถกระบะตราโล่ของ สน.ท่าข้าม จำนวน 2 คัน มาจอดไว้บริเวณด้านหน้าและด้านข้างธนาคารด้วย
จากการสอบถาม นางวรรณดี มีมา อายุ 54 ปี ซึ่งเดินทางมาทำธุรกรรมกับทางธนาคาร กล่าวว่า ตนเดินทางมาฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคารแห่งนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีคนร้ายนำระเบิดมาปาใส่ที่ธนาคารตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 27 ก.พ.แล้ว แต่ที่มาในวันนี้ไม่รู้สึกกลัว เพราะอุ่นใจที่เห็นตำรวจมาคอยดูแลและอยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้เร็วๆ จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงกลุ่มคนร้ายด้วยว่า ทุกวันนี้รู้สึกว่าคนในชาติเราขาดความสามัคคี แต่ตนอยากให้คนร้ายกลับใจเป็นคนดี บ้านเมืองเราจะได้สงบสุขปลอดภัยกลับสู่สภาวะการณ์ปกติในเร็ววันเสียที