“สัณฐาน” เชื่อปาบึ้มแบงก์กรุงเทพ 4 จุด เป็นฝีมือของคนร้ายคนเดียวกันที่ตระเวนขี่ จยย.ปาระเบิด ระบุเป็นกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อประเทศและยังไม่ตัดประเด็นปมยึดทรัพย์ พร้อมสั่งเรียกประชุมปรับแผนรักษาความปลอดภัย ส่วนการสืบสวนหาคนร้ายอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี
วันนี้ (28 ก.พ.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ 4 จุด เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ เชื่อว่าทั้ง 4 จุดนั้นคนร้ายจะเป็นคนเดียวกัน โดยคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงตระเวนปาระเบิดดังกล่าว โดยมีเป้าหมายเป็นธนาคารกรุงเทพ ที่สาขาเล็กก่อน ส่วนผู้ก่อเหตุจะเกี่ยวข้อง เป็นกลุ่มใดยังไม่สามารถระบุได้ แต่เป็นกลุ่มที่ไม่หวังดีต่อประเทศ และยังไม่ตัดประเด็นเรื่องคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ
“จากหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเอาผิดคนร้ายได้ และยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ ทหาร-ตำรวจเฝ้าดูแลจุดตรวจต่างๆ อย่างเข้มงวดแล้ว และจากเหตุดังกล่าวก็ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ดูแลเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพทุกสาขาในแต่ละพื้นที่ และในช่วงสายวันนี้ จะเรียกประชุม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนดูแลความปลอดภัย” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวถึงชนิดระเบิดที่ใช้ว่า เป็นระเบิดเอ็ม 67 ซึ่งผู้ที่ใช้จะต้องเป็นผู้ชำนาญการหรือเชี่ยวชาญกับวัตถุระเบิด เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนสักกระเดื่อง และระเบิดชนิดดังกล่าวหาซื้อได้แถบแนวชายแดน และนำมาปรับเปลี่ยนวิธีใช้งาน ซึ่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อมัดตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พล.ต.ท.สัณฐาน มีคำสั่งแจ้งไปยัง ผู้กำกับและหัวหน้าสถานีตำรวจทุก สน.เข้าร่วมประชุม ในเวลา 14.00 เพื่อวางแผนดูแลความปลอดภัย หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดเอ็ม 67 ใส่ธนาคารกรุงเทพ จำนวน 4 จุด โดยได้สั่งให้ ผู้บังคับบัญชาทุก สน.เข้าประชุมด้วยตนเอง ขณะที่ทางด้าน สถานีตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรปราการ ได้สั่งการให้ ทุก สภ.ตรวจเข้ม ธนาคารทุกแห่ง โดยให้เน้นที่ธนาคารกรุงเทพและจะมีการปล่อยแถวระดมกำลัง ดูแลเข้มงวด ในเย็นนี้เวลาประมาณ 18.00น ซึ่งพื้นที่ จ.สมุทรปราการเป็นรอยต่อ ระหว่าง กทม. ซึ่งเป็นจุดเป้าหมายที่ คนร้ายจะก่อเหตุได้
ต่อมาเมื่อเวลา11.30 น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 กล่าวถึงกรณีคนร้ายปาระเบิดขว้างสังหารชนิด เอ็ม 67 ใส่ธนาคารกรุงเทพ สาขาพระราม 2 กม.7 ถนนพระราม 2 ซอย 65 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.แต่ระเบิดไม่ทำงานและเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ ว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเก็บรวบรวมพยานหลักฐานใดๆ ได้มากเท่าที่ควร ในช่วงเช้าวันนี้ตนจึงได้เรียกประชุมผู้กำกับการทุกโรงพัก และ ผู้กำกับการสืบสวน บก.น.9 เพื่อวางแนวทางในการทำงาน ก่อนลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมโดยเฉพาะพยานบุคคล สำหรับมาตรการในการป้องกันเหตุซ้ำซ้อนตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพัก และชุดจู่โจมสลาตัน 2009 เพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราพื้นที่ล่อแหลมและวางกำลังซุ่มโป่งตามธนาคารทุกแห่งให้มากขึ้นแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ยุคลเดช ตันสกุล ผกก.สน.ท่าข้าม หลังเกิดเรื่องพนักงานสอบสวนได้นำตัวพยานซึ่งเป็น รปภ.ของโชว์รูมรถอีซูซุ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุไปสอบสวนแล้ว จำนวน 1 ปาก แต่พยานก็ยืนยันว่า ไม่เห็นตัวคนร้าย นอกจากนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำการประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคาร และบริษัทห้างร้านที่ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก แต่ขณะนี้ยังไม่พบภาพของบุคคลต้องสงสัย ส่วนในวันนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานน่าจะส่งผลการตรวจสอบลายนิ้วมือบนลูกระเบิดของกลางมาให้ประกอบสำนวนคดีได้
“อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงเที่ยงคืนวานนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ได้เรียกประชุมตำรวจเจ้าของท้องที่ที่มีเหตุระเบิดไปประชุมร่วมกันที่ สน.ยานนาวา และกำชับว่า ให้จัดกำลังเฝ้าดูแลธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งล่อแหลมต่อการถูกก่อเหตุเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ ส่วนวันนี้ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. จะมีการเรียกผู้กำกับการทุกโรงพักในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าประชุมสรุปผลการทำงานกันอีกครั้งที่ห้องประชุมใหญ่ บช.น.” พ.ต.อ.ยุคลเดช กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผกก.สส.บก.น.9 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผู้บังคับบัญชาได้วางแนวทางในการทำงานเอาไว้ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน บก.น.9 ไปเฝ้าระวังตามพื้นที่ที่คาดว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุขึ้นอีก ส่วนเรื่องที่สองคือสั่งการให้ชุดสืบสวน บก.น.9 ทำการประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่สำคัญและบริษัทห้างร้านในพื้นที่ บก.น.9 เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงไปหาตัวคนร้ายว่า จะใช่กลุ่มเดียวกันกับที่ก่อเหตุในพื้นที่อื่นๆ ในเวลาไล่เลี่ยกันหรือไม่ แต่เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นคืนวันเสาร์ ต่อเนื่องเข้าวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด ทำให้การประสานขอข้อมูลเกิดความล่าช้าคาดว่าในวันพรุ่งนี้น่าจะได้พยานและหลักฐานเพิ่มเติมในอีกหลายประเด็น