ยกคำร้อง “ยึดทรัพย์” น่ากลัวมาก!

00...นาทีนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึง คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านอันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งวันพิพากษาใกล้เข้ามาทุกที อุณหภูมิบ้านเมืองยิ่งร้อนขึ้นเป็นทวีคูณ ส่วนอัตราต่อรองในวงพนัน คนเดิมพันข้างทักษิณเริ่มน้อยลงทุกที แต่ผู้สันทัดกรณีก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธง เพราะเชื่อว่าผลคำพิพากษา ยังสามารถออกมาได้ทั้ง 3 แนวทาง

00... ทางที่หนึ่ง ..(ยกคำร้อง) กรณีนี้จะเกิดขึ้นได้คือองค์คณะผู้พิพากษาเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า พยานในชั้นไต่สวนของอัยการผู้ร้องพิสูจน์ไม่ได้ว่า “ทักษิณ” ใช้อำนาจหน้าที่สั่งการให้หน่วยงานราชการออกมาตรการ และข้อกำหนดต่างๆ เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจในเครือชินคอร์ป และมีการขายหุ้นชินคอร์ปให้ลูกและญาติพี่น้องไปอย่างถูกต้องไม่ใช่นิติกรรมอำพราง หรือแม้ว่าหลักฐานฝ่ายอัยการผู้ร้องจะฟังได้ว่ามีการซุกหุ้นหรือใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ แต่ก็เป็นความผิดทางอาญาจะนำมาเป็นเหตุยึดทรัพย์ไม่ได้

00... ทางที่สอง ..(ยึดทรัพย์บางส่วน)กรณีนี้คือศาลเห็นว่า “ทักษิณ” ซุกหุ้นหลีกเลี่ยงกฎหมายจริง ยิ่งขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีพฤติการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องสั่งการหน่วยงานใต้อำนาจให้ออกมาตรการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัว ทรัพย์ที่ได้มาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะต้องริบทรัพย์สินส่วนที่ได้มาโดยมิชอบ แต่จะริบหมดทุกส่วนไม่ได้ หุ้นชินคอร์ปฯ ก่อนทักษิณรับตำแหน่งนายกฯ เดิมมีราคา 2 หมื่นล้านบาท ต่อมาขายได้ในราคา 7.3 หมื่นล้านบาท ส่วนต่างที่ต้องยึดตกเป็นของแผ่นดิน คือ 5.3 หมื่นล้านบาท

00... ทางที่สาม ..(ยึดทั้งหมด)กรณีนี้คือศาลเชื่อตาม “ทฤษฎีวัวกินหญ้ารัฐ” ของ อ.แก้วสรร อติโพธิ คือ หากใครแอบเอาวัวไปกินหญ้าของคนอื่นจนอ้วนขึ้นมาก็ต้องยึดวัวทั้งตัว จะยึดเฉพาะแขนขาวัวไม่ได้ เช่นเดียวกับผลประโยชน์ที่งอกเงยจากการทุจริตทรัพย์สินและสัมปทานของชาติมาเป็นของตัวเอง หากทรัพย์นั้นได้มาโดยมิชอบก็ควรต้องยึดเป็นของแผ่นดินทั้งหมด จะยึดเพียงบางส่วนตามที่ทนายฝ่ายทักษิณพยายามต่อสู้อ้างว่าทรัพย์บางส่วนโอนให้ลูกเมียไปแล้วไม่ได้

ส่วนท้ายสุด สุดท้าย ท่ามกลางกระแสข่าวลือ “แม้ว ทุ่มเงิน 5 พันล้าน ล่อใจ 5 ตุลาการล้มยึดทรัพย์” อะไรก็เกิดขึ้นได้...และ หากคำพิพากษาออก ทางที่หนึ่ง (ยกคำร้อง)ถือว่าน่ากลัวมากๆ สำหรับอนาคตของประเทศไทย