xs
xsm
sm
md
lg

รอง อสส.ขอทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินยึดทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
รอง อสส.ชี้ศาลฎีกาฯ เปิดโอกาส “แม้ว” แจงที่มาทรัพย์สินมากแล้ว ไม่ว่าผลสรุปศาลฎีกาฯพิพากษาอย่างไร ทุกฝ่ายก็ควรเคารพเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง คำพิพากษาจะลงมติเสียงข้างมากไปทางใดคำพิพากษากลางก็จะเป็นไปทางนั้น ไม่สามารถงดออกเสียงได้ โดยคำวินิจฉัยจะนำไปติดไว้ที่ศาลฎีกา ทุกคนตรวจสอบได้

วันนี้ (13 ก.พ.) นายอรรพล ใหญ่สว่าง รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ได้ไปร่วมการอภิปรายในหนัวข้อ “กระบวนการยุติธรรมกับการดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยตอนหนึ่งได้กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ โดยตนเห็นว่าคดีนี้ถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งใช้ระบบไต่สวน ทำให้ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการพิสูจน์ความจริงอย่างเต็มที่ และศาลก็จะเป็นผู้ไต่สวนเพื่อพิสูจน์ความจริง ส่วนอัยการและทนายความเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น และคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ศาลจะไม่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไต่สวนผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ แต่ก็อนุญาตให้ทำคำแถลงเปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรได้ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหานำพยานเข้าเบิกความในการพิสูจน์ทรัพย์สินมากถึง 24 นัด ส่วนอัยการผู้ร้องได้เพียง 9 นัด และเมื่อศาลไต่สวนเสร็จแล้ว ศาลก็ยังค้นหาความจริงในคดีต่อ โดยนัดสอบพยานเพิ่มเติมอีก 1 นัด แล้วยังให้ทำคำแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง ดังนั้นตนเห็นว่าไม่ว่าผลสรุปแล้วศาลฎีกาฯพิพากษาอย่างมาไร จะให้ยึดทรัพย์หรือให้ยกคำร้องอัยการ ไม่ยึดทรัพย์ ทุกฝ่ายก็ควรเคารพคำพิพากษา เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง

นายอรรถพลกล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะ จะต้องเขียนคำวินิจฉัยส่วนตนก่อนจะมาประชุมลงมติเขียนคำพิพากษากลางในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ช่วงเช้าก่อนที่จะอ่านคำพิพากษาในช่วงบ่าย โดยการเขียนคำพิพากษาจะวินิจฉัยลงมติกันที่ประเด็นหากเสียงข้างมากไปทางใดคำพิพากษากลางก็จะเป็นไปทางนั้น โดยไม่สามารถงดออกเสียงได้ ซึ่งหลังอ่านคำพิพากษาแล้ว ก็จะต้องนำไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และคำวินิจฉัยส่วนตนขององค์คณะแต่ละท่านก็จะนำไปติดไว้ที่ศาลฎีกา เพื่อให้ทุกคนตรวจสอบได้
กำลังโหลดความคิดเห็น