“จตุพร” เผยพร้อมมอบตัวอัยการยื่นฟ้องล้อมบ้าน “ป๋าเปรม” ปี 50 ยันไม่เคยใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.เบี้ยวรายงานตัว แต่ติดสมัยประชุมต้องขออนุญาตประธานสภาก่อน ขึ้นเวทีอัด “พัลลภ-เสธ.แดง” ซ้ำ ยันไม่เกรงใจทหารหน้าไหนเหมือนกัน ถีบมาก็ถีบไปคนละที พร้อมเรียกร้องอัยการดำเนินคดีเขายายเที่ยง-เขาสอยดาว ขณะที่ฟากอัยการ “ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการอาญาพิเศษ” แจงสั่งคดีเขายายเที่ยง เสร็จขั้นตอนอัยการแล้ว หลังผู้ว่าฯ ยืนตามสั่งไม่ฟ้อง ส่วนเขาสอยดาว อัยการจังหวัดจันทบุรีรอผลสอบเพิ่มเติมครั้งที่สอง
วันนี้ (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นมา โดยก่อนขึ้นเวทีปราศรัยชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ว่า วัตถุประสงค์การรวมตัวครั้งนี้เพื่อทวงถามอัยการการสั่งคดีบุกรุกที่ดินเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมาที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ถือครอง และการถือครองที่ดินเขาสอยดาว จ.จันทบุรี ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มีชื่อถือครองห้องพักบนที่ดินเขาสอยดาว และการสั่งคดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งอัยการสั่งฟ้องนายสนธิแล้ว แต่มีการเลื่อนส่งตัวนายสนธิ อ้างว่ามีการยื่นถวายฎีกา โดยการชุมนุมครั้งนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 16.00 น. หลังจากนั้นจะสลายตัว ขณะที่จะมีการชุมนุมคนเสื้อแดงดาวกระจายไปยัง สตช.อีกครั้งในวันที่ 10 ก.พ.นี้ และวันที่ 12 ก.พ.จะดาวกระจายไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)
เมื่อถามถึงการมอบตัวของแกนนำเสื้อแดง คดีชุมนุมล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพัก พล.อ.เปรม ประธานองคมนตรี เมื่อค่ำวันที่ 22 ก.ค.50 ที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง ซึ่งขณะนี้เหลือแกนนำอีก 12 คนที่รอส่งตัวยื่นฟ้องศาลอาญา โดยนายจตุพรกล่าวว่า แกนนำเสื้อแดง พร้อมพบอัยการหากมีคำสั่งเรียกตัวไปยื่นฟ้อง ในส่วนของตนซึ่งเป็น ส.ส.ยืนยันว่าไม่เคยใช้เอกสิทธิ์เลื่อนการรายงานตัว ซึ่งตามบทรัฐธรรมนูญ หากจะดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุมสภา ต้องทำเรื่องขออนุญาตจากประธานสภา ดังนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่ว่าตนใช้เอกสิทธิ์ หากมีการทำเรื่องขออนุญาตนายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ซึ่งเวลานี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะโหวตให้ส่งตัวดำเนินคดีตนก็พร้อม
“ ผมและแกนนำเสื้อแดงพร้อมจะรายงานตัวกับอัยการทุกเมื่อ และไม่คิดใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. แต่เมื่อเวลานี้อยู่ในสมัยประชุม ก็ทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะต้องส่งเรื่องเสนอนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ขออนุญาตนำตัวมาดำเนินคดี ซึ่งขั้นตอนนั้นหากนายอภิสิทธิ์ถูกดำเนินคดีใดๆ ก็ต้องทำเหมือนกัน” นายจตุพรระบุ
เมื่อถามถึงปัญหาระหว่างคนเสื้อแดงกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิบกซึ่งถูกพักราชการ เรื่องการตั้งกองทัพประชาชน นายจตุพรยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างบุคคล แต่เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันเกี่ยวกับหลักการและแนวทางการเคลื่อนไหวต่อสู้ ซึ่งหลักการของเสื้อแดงยึดแนวทางชุมนุมสันติวิธี อหิงสา ไม่ใช้ใช้กำลังต่อสู้ โดยการต่อสู้ไม่ใช่ใครกลัวใคร แต่เคลื่อนไหวกับกลุ่มเสื้อแดงเน้นต้องตั้งสติ คิดกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่ผลีผลามเคลื่อนไหว หาก พล.อ.พัลลภ หรือ พล.ต.ขัตติยะ จะร่วมก็จะต้องพูดคุยในหลักการเดียวกัน และคุยแบบแลกใจกัน เพราะที่ผ่านมา พล.อ.พัลลภ เคยร่วมกับฝ่ายที่ไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ และภายหลังก็กลับมาหา พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ตนขอย้ำว่าการจะดำเนินเคลื่อนไหวใดๆ ของคนเสื้อแดงก็ต้องขอความเห็นทำเป็นมติของกลุ่ม ไม่ใช่ใช้เรื่องความอาวุโสมาเป็นคนสั่งการ ขณะที่การต่อสู้ตนอยากให้มองข้ามตัวบุคคล แต่ขอให้เน้นเรื่องหลักการ
ด้าน นายองอาจ คำทอง ทนายความของกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงการมอบตัวแกนนำเสื้อแดง รวมทั้งนายจักรภพ คดีชุมนุมล้อมบ้านพัก พล.อ.เปรม ประธานองคมนตรี ว่า ขณะนี้แกนนำเสื้อแดงที่ไม่ใช่ ส.ส.ได้รับหนังสือแจ้งจากพนักงานสอบสวนให้มาพบอัยการ และเราได้แจ้งไปแล้วว่าจะไปรายงานตัวพร้อมกับนายจตุพร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร หากจะดำเนินคดีก็ต้องปิดสมัยประชุมสภาฯ ประมาณเดือน พ.ค.นี้ ส่วนนายจักรภพที่เป็นผู้ต้องหาด้วยนั้น เมื่อถึงเวลาก็จะแจ้งให้อัยการทราบว่าไม่สามารถติดต่อกับนายจักรภพได้ ซึ่งปกติจะประสานผ่านทางเลขานุการนายจักรภพ แต่เวลานี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้น ได้รวมตัวตั้งแต่เวลา 10.00 น. โดยกลุ่มประชาชนคนเสื้อแดงทยอยเดินทางมายังหน้าอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก และทีมงานได้นำรถบรรทุกหกล้อ ซึ่งติดเครื่องขยายเสียงมาตั้งเป็นเวทีปราศรัยชั่วคราวที่ถนนด้านหน้าทางเข้าสำนักงานอัยการสูงสุด ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน ได้กระจายกำลังดูแลความเรียบร้อย และมีการนำแผงเหล็กกันด้านหน้าอาคารเข้าสำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบมายืนประจำการณ์รักษาความปลอดภัย
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ขึ้นปราศรัยบนเวทีย่อยรถติดเครื่องขยายเสียงว่า การชุมนุมวันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ต้องการมาข่มขวัญให้ตระหนกตกใจ แต่พาคนเสื้อแดงที่เดือดร้อนมาร้องทุกข์เพื่อขอความยุติธรรมจากอัยการ ให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากคดีของคนเสื้อแดง เช่น คดีบุกรุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ตอนแรกอัยการสั่งไม่ฟ้องแล้ว แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเห็นแย้ง จนในที่สุดอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง แต่คดีบุกรุกเขายายเที่ยง ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ เข้าไปเกี่ยวข้อง อัยการกลับสั่งไม่ฟ้อง บอกว่าขาดเจตนา รวมทั้งอยากให้ดำเนินการตรวจสอบคดีบุกรุกเขาสอยดาวที่ จ.จันทบุรี ดังนั้นขอให้อัยการดำเนินคดีต่างๆไปตามตัวบทกฎหมาย คนเสื้อแดงจะให้การสนับสนุน
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวถึงกรณีทะเลาะกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิทหารบก แนวร่วมเสื้อแดงว่า ตนไม่ได้เป็นทหาร และไม่เกรงใจทหารหน้าไหนเหมือนกัน ถีบมาก็ถีบไปคนละที ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงต้องยึดสันติวิธี เพราะไม่อย่างนั้นจะถูกพวกแดงเทียม หรือพวกไม่หวังดีมาสวมรอย แล้วใส่ร้ายคนเสื้อแดง เหมือนเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการยึดรถเมล์มาเผา หรือรถแก๊สไปจอดที่สามเหลี่ยมดินแดง แล้วโยนความผิดให้กลุ่มคนเสื้อแดง ส่วนการชุมนุมหลังจากนี้จะเดินทางไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากนั้นจึงจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง
ส่วน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยเป็นคนสุดท้ายว่า ขอให้อัยการตัดสินใจว่าจะร่วมกับคนเสื้อแดงในการสู้กับพวกอำมาตยาธิปไตย ในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย หรือจะเป็นปลาที่ตายแล้ว รอให้ฝ่ายใดชนะ แล้วค่อยออกมา
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงทะเลาะกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้นคนเสื้อแดงไม่ต้องห่วง เพราะทั้งสองฝ่ายเหมือนมวยหมัดหนักทั้งคู่ ที่มาเจอกันบนเวที ออกหมัดแย็บกันคนละที เมื่อหมดเวลาตนก็บอกว่า “หยุด” พักยกได้
สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงยืนยันต้องใช้สันติวิธีเท่านั้น จะไปตั้งกองทัพติดอาวุธไม่ได้ เพราะไม่ใช่แนวทางของเรา ส่วนใครจะไปใช้วิธีอื่นใดนั้นก็ให้รับผิดชอบเอาเอง หากจะติดอาวุธก็มีแต่อาวุธทางปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้การชุมนุมของคนเสื้อแดงประสบชัยชนะ จากนั้นเมื่อเวลา 15.45 น.แกนนำ นปช. จึงประกาศสลายตัว
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการสั่งคดีที่ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี ถือครองที่ดินเขายายเที่ยง ว่า คดีนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว หลังจากที่ อัยการจังหวัดสีคิ้ว และอธิบดีอัยการเขต 3 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีความเห็นตามอัยการที่สั่งไม่ฟ้องเช่นกัน คดีจึงถึงที่สุดแล้ว ขณะที่เวลานี้เป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้ ที่จะต้องปฏิบัติตามมติของ ครม. เมื่อปี 2518 ที่ต้องนำที่ดินคืนแก่ผู้ครอบครอง หรือทายาทผู้ครอบครองที่ได้รับอนุญาตตามมติ ครม. ให้ถือกรรมสิทธิ์เท่านั้น ส่วนคดีกลุ่มนายทุนถือครองที่ดินเขาสอยดาว จ.จันทบุรีนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมครั้งที่สอง โดยเมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนพร้อมความเห็นให้อัยการจังหวัดจันทบุรี เมื่อเดือน ต.ค.52 ที่ผ่านมา อัยการพิจารณาแล้วได้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม แต่เมื่อได้รับสำนวนการสอบสวนเข้ามาอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมีความเห็นให้สอบเพิ่มเติมครั้งที่สอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับผลสอบ จึงไม่สามารถสั่งคดีได้
ด้าน นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการคดีอาญา กล่าวถึงการสั่งฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุลแกนนำพันธมิตรฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า อัยการคดีอาญา มีความเห็นสั่งฟ้องนายสนธิ ตั้งแต่ ธ.ค.52 และทำหนังสือให้พนักงานสอบสวนนำตัวนายสนธิ ผู้ต้องหา มาส่งให้อัยการเดือน ม.ค.นี้ แต่นายสนธิ อ้างว่าได้ยื่นถวายฎีกาขอความเป็นธรรม ประกอบกับพนักงานสอบสวนยังไม่ได้นำตัวมาพบอัยการเพื่อฟังคำสั่งฟ้อง ที่ผ่านมาอัยการจึงมีหนังสือแจ้งเตือนให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เร่งติดตามตัวสนธิมาส่งอัยการ โดยกำหนดนัดต้นเดือน มี.ค.นี้ แต่ถ้าพนักงานสอบสวนยังไม่ได้นำตัวนายสนธิมาพบอัยการตามกำหนด อัยการก็จะมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและตำหนิรูปพรรณของนายสนธิ เพื่อขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป
ส่วนคดีหมิ่นเบื้องสูงที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กรณีที่มีการกล่าวบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 ว่า อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ได้สรุปความเห็นและส่งสำนวนมาให้ตนพิจารณาแล้ว ขณะนี้กำลังพิจารณารายละเอียดอีกครั้งคาดว่าจะพิจารณาได้เสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้
ส่วนมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า ขณะนี้ยังต้องพิจารณารายละเอียดบางส่วน และจะต้องรายงานให้อัยการสูงสุดทราบด้วย เหมือนกรณีที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายสนธิซึ่งอัยการที่รับผิดชอบสำนวนเสนอความเห็นให้ตนพิจารณาและเสนอให้อัยการสูงสุดทราบตามขั้นตอน ซึ่งหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง อัยการก็ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวมาส่งอัยการ แต่หากพนักงานสอบสวนติดตามตัวมาส่งอัยการไม่ได้เพราะนายจักรภพ อยู่ต่างประเทศ ก็คงต้องดำเนินการตามขั้นตอนการออกหมายจับและให้อัยการต่างประเทศดำเนินการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไปหากทราบที่อยู่ชัดเจนของนายจักรภพ