“สนธิ”ย้ำเสียงพี่น้อง ไม่ต้องการให้พันธมิตรฯ เจรจา หาก “หมัก”ยังไม่ลาออก ระบุการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นชัยชนะของกระบวนการประชาชนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ย้อนเกล็ด “รัฐบาลหมัก” มีพฤติกรรมเข้าข่ายบกฏครบแล้ว ทั้งเรื่องขายแผ่นดิน นำคนที่ต้องคดีหมิ่นเบื้องสูงมาร่วมรัฐบาล เมินจัดการคดี “จักรภพ” เผยขับไล่ “หอกหัก”สำเร็จ ตั้งทนายฟ้องเข้าคุกกราวรูดแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น. วันที่ 5 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เริ่มด้วยการถามความเห็นของผู้เข้าร่วมชุมนุมว่า หากนายสมัคร สุนทรเวช ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งนายรัฐมนตรี จะให้แกนนำพันธมิตรฯ ไปเจรจากับ ผบ.ทบ.และนายสมัคร ตามที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาจะเป็นตัวกลางในการเจรจา หรือไม่ ซึ่งเสียงตอบรับออกมาว่าไม่ต้องการเจรจา
หลังจากนั้นนายสนธิ กล่าวถึงการเข้ามาร่วมชุมนุมของนักศึกษาว่า ทำให้ 104 วันที่พันธมิตรจัดการชุมนุมมา ไม่สูญเปล่า ซึ่งถ้าเราไม่อดทนจนวันนี้ลูกหลานเราก็จะมองไม่เห็น ในสิ่งที่เราต่อสู้
นายสนธิ กล่าวว่า จิตใจอันบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ไพศาลของพี่น้องคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของสังคมไทย ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ไทย ที่กระบวนการประชาชนจะยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้ ไม่เคยมีกระบวนการประชาชนครั้งไหนที่รวมคนทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ และทุกศาสนาเข้าด้วยกันได้เท่าครั้งนี้ และไม่เคยมีกระบวนประชาชนที่มารวมตัวกันเรียกร้องความถูกต้องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าที่ไหนในโลก
นายสนธิ กล่าวเปรียบเทียบว่า พวกเราคือพระมหาชนก เพราะพวกเราว่ายอยู่ในทะเลตลอดเวลาแม้ไม่เคยเห็นฝั่ง แต่เรายังว่าย เพราะชื่อมั่นและศรัทธา เชื่อว่าที่เราสู้เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นถูกต้อง เพราะฉะนั้นแล้ว ถึงแม้จะไม่เห็นฝั่งแต่พวกเราก็ไม่ท้อ
วันนี้พายุมา ลูกเห็บตก ถ้าเป็นคนอื่นอาจหนีหายไปหมดแล้ว แต่พวกเราไม่รู้สึกถึงการเปียกเพราะจิตใจของพวกเราเหมือนจิตใจพระมหาชนก อย่าว่าแต่เปียกเลย ต่อให้น้ำท่วมก็ไม่มีใครหนี สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกพรรคพลังประชาชนกลัว เขากลัวความมุ่งมั่นจริงจัง และกลัวความเชื่อมั่นศรัทธาของพวกเราที่จะสู้เพื่อสถานบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
พี่น้องที่มาไม่ใช่เพราะอยากโด่งดัง หรืออยากออกทีวี แต่มาเพราะต้องการเอาความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินไทยกลับมาสู่อ้อมอกของพวกเรา เพราะฉะนั้น เราอย่าไปสนใจความชั่วร้าย เรายึดมั่นใจคุณธรรม ในศีลธรรม เราชนะแน่นอน
วันนี้เราเลือกข้างมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเลือก เราเลือกยืนอยู่ข้างหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐบาลนายสมัครต่างหากที่เป็นรัฐบาลที่กบฏต่อราชอาญาจักร ไม่ใช่แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน รัฐบาลนายสมัครเป็นรัฐบาลที่ขายแผ่นดินไทยให้เขมร รัฐบาลชุดนี้ยังมีเจตนาล้มร้างรัฐธรรมนูญ นายจักรภพ เพ็ญแข หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังเอามาเป้นรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยนำม็อบไปบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และกล่าวจาบจ้วง นายสมัครก็ยังอามาอยู่ในรัฐบาลด้วยเลย ไม่ดำเนินการอะไรเลย เรื่องนายจักรภพก็อยู่เฉยๆ ความผิดของนายสมัครจึงครบถ้วนที่จะเข้าข่ายกบฏ เพราะฉะนั้นนายสมัคร คือหัวหน้ากบฏ เข้าข่ายการเป็นกบฏตาม มาตรา 113 ของประมวลกฎหมายอาญาทุกข้อ แต่แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้นายสมัครเป็นกบฏ กลับไปแจ้งความหาว่าเราเป็นกบฏ ทั้งที่หัวหน้ากกบฏที่แท้จริง คือนายสมัคร และพรรคที่เป็นกบฏ คือพรรคพลังประชาชน ส่วนนายบรรหาร ศิลปอาชา นายเสนาะ เทียนทอง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หรือพรรคร่วมรัฐบาล คือผู้สมรู้ร่วมคิดกับนายสมัครทีเป็นกบฏในราชอาณาจักร
นายสนธิ กล่าวว่า อีกไม่นานหลังจากนายสมัครลาออกแล้ว พวกเราจะตั้งทีมทนายความ เพื่อฟ้องคนพวกนี้ในข้อหากบฏในราชอาณาจักร ถึงเวลาที่พวกเราต้องรุกคืนบ้างแล้ว ถึงมันออกไปเราจะตามล้างตามเช็ดมัน เราต้องเอาพวกมันติดคุกให้ได้
สำหรับลูกหลานนักศึกษาที่มากันเต็มไปหมด วันนี้ ทำให้รู้สึกซาบซึ้งใจ และตนได้พูดกับนักศึกษาธรรมศาสตร์ 2 คน ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ พวกลุงๆ พวกอา สู้ให้ครั้งนี้ ไม่ได้สู้เพื่อส่วนตัว แต่พ่อแม่พี่น้องที่มา สู้เพื่อให้ลูกๆ หลานๆ ทั้งนั้น เหมือนกับที่ลูกๆ ขึ้นมาบนเวทีแล้วบอกว่าเหลือประเทศไทยไว้ให้พวกผมบ้าง ลุงและพันธมิตรสู้เพื่อเอาประเทศไทยทั้งหมดคืนมาให้ลูก
นายสนธิ กล่าวว่า พี่น้องอย่าท้อเป็นอันขาด ถ้าท้อให้นึกถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สู้มาหลายปี ผ่านความตายมามาก วันนี้ก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะมีทีมที่ถูกมอบหมายให้มายิงนายสนธิคนเดียว 4 ทีม แต่ตนไม่ท้อ เพราะฉะนั้นพ่อแม่พี่น้องอย่างท้อ ถ้าท้อเมื่อไหร่ให้คิดถึงตนและ 5 แกนนำ และคิดถึงพระเจ้าอยู่หัว คิดถึงชาติบ้านเมืองก่อน