ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องคดีดาราฟ้องหมิ่นสื่อบันเทิง 2 คดีซ้อน คดีแรกยกฟ้อง บก.ก๊อสซิปสตาร์ หมิ่นดาราช่อง 7 “ต่าย-ชัชฎาภร” ร่วมก๊วนสวิงกิ้ง อีกคดียกฟ้อง FHM หมิ่น “ลิซ่า ไปรพิศ” เล่นกลบนเตียง
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ น.ส.ชัชฎาภร หรือต่าย ธนันทา ดาราสาว และพิธีกรช่อง 7 สี เป็นโจทก์ฟ้อง นายศิริ เหลืองสวัสดิ์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา และนายภูวพิตร ศุภมิตรโชติม รองบรรณาธิการบริหารนิตยสารก๊อสซิปสตาร์ กับพวกที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า จำเลยร่วมกันตีพิมพ์ข่าวและภาพในนิตยสาร “ก๊อสซิป สตาร์” มีข้อความพาดหัวว่า “ช็อก! ต่าย-ชัชฎาภร ร่วมก๊วนสวิง โจอี้” พร้อมภาพงานปาร์ตี้ที่โจอี้ บอย ซึ่งเคยเป็นข่าวฉาวมาแล้ว และยังมีการระบุด้วยว่าภาพหญิงที่อยู่ในหนังสือมีใบหน้าคล้ายดาราสาวคนดังซึ่งหมายถึงโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 ก.ย.49 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 เดือน ปรับเงิน 50,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และปรับ บริษัท ฐานการพิมพ์ จำเลยที่ 6 จำนวน 50,000 บาท และลงคำโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน และให้จำเลยที่ 1 และ 6 จ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 800,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยยื่นอุทธรณ์ถึงประเด็นเรื่องการเสนอข่าวว่าเป็นการเปรียบเทียบภาพถ่ายของหญิงสาวที่มีหน้าตาคล้ายกับโจทก์ ไม่มีเจตนาที่จะทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า แม้ข้อความและภาพข่าวในส่วนของการพาดหัวข่าว และเนื้อหาข่าวจะกล่าวหาโจทก์ในทางเสียหาย แต่มีการอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ภาพดังกล่าวดูได้จากวีซีดี ซึ่งมีเรื่องหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกับโจทก์ โดยมีการส่งเครื่องหมายลูกศร และนำภาพใบหน้าของโจทก์จริงๆ มาลงไว้คู่กับเพื่อเปรียบเทียบบุคคลนั้นกับโจทก์ จึงแสดงให้เห็นว่าหญิงที่พบในวีซีดีนั้นมีแต่เพียงใบหน้าที่เหมือนกัน มิได้กล่าวถึงรูปพรรณสัณฐานอื่นว่าเหมือนกันอย่างไร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งมิได้อธิบายยืนยันข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนว่า บุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกัน ทั้งยังมีคำพูดของโจทก์ว่าเมื่อสอบถามดาราสาวเธอก็ปฏิเสธทันควันอย่างอารมณ์ดีว่า ไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน แต่หน้าเหมือนกันเท่านั้นเอง แสดงว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าหญิงสาวในวีซีดีนั้นไม่ใช่โจทก์ การที่จำเลยเสนอข่าวจึงน่าจะเป็นผลดีกับโจทก์มากกว่าการที่ให้ผู้อื่นดูภาพในวีซีดีเพียงอย่างเดียวแล้วจะทำให้เข้าใจผิดในตีโจทก์ได้ แม้ถ้อยคำตามข้อความในข่าวจะมีคำว่าสวิงกิ้ง ซึ่งเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมทางเพศ กรณียังไม่ถือได้ว่าเป็นการกล่าวร้ายใส่ความโจทก์ที่ศาลชั้นตนพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และ 6 นั้น ศาลอุทธรณ์ไม่พ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-6 ฟังขึ้น พิพากษายกฟ้อง
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 613 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ น.ส.อุมา ไพบูลย์พันธ์ หรือลิซ่า ไปรพิศ ดารานักมายากลสาว ภริยา นายเฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์ หรือฟิลิปส์ นักมายากลชื่อดัง เป็นโจทก์ฟ้อง ดร.ปกรณ์ ตันศิริ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณานิตยสาร FHM, บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนิตยสาร FHM, นายวิลักษณ์ โหลทอง, นายวรรคสร โหลทอง, นายพงษ์ศํกดิ์ ผลอนันต์, นายยอดชาย ขันธะชวนะ และนายสานิต บูรณวิทยานนท์ กรรมการบริษัทฯ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 พร้อมกับเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท กรณีเมื่อเดือน มี.ค. 48 จำเลยที่ 2 ได้ตีพิมพ์ภาพโป๊เปลือยของโจทก์ และลงข้อความหมิ่นประมาททำนองว่า “เล่นกลบนเตียง Be a magician in bed” และข้อความอื่นอันซึ่งกล่าวถึงโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 พ.ย.49 จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 เดือน และปรับ 50,000 บาท พร้อมให้ลงข้อความขอโทษโจทก์ในนิตยสาร FHM ฉบับรายเดือน 1 ครั้ง แต่โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 -7
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ข้อความตามฟ้องเพียงแต่สมมติเรื่องราวขึ้นมาแล้วตั้งคำถาม กับให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้อ่าน รวมทั้งรับรองผลของการกระทำ ตามข้อเสนอแนะ ซึ่งมิได้เป็นเรื่องราวที่มีอยู่หรือเกิดขึ้นจริง อีกทั้งไม่มีข้อความตอนใด ยืนยันข้อเท็จจริงว่า หญิงที่ใช้ชื่อว่า “ลิซ่า” แสดงมายากลบนเตียง โดยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทางเพศ จึงไม่อาจทำให้บุคคลโดยทั่วไป ที่อ่านข้อความนั้นแล้วเข้าใจได้ว่าหญิงที่ชื่อว่า “ลิซ่า” รับบริการทางเพศแสดงมายากลบนเตียง ดังที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง การเขียนลงพิมพ์และโฆษณาดังกล่าว จึงเป็นการกล่าวร้ายใส่ความหญิงที่ชื่อว่า “ลิซ่า” ต่อบุคคลที่ 3 อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่
ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง ยังถือไม่ได้ว่าหญิงที่ใช้ชื่อว่า “ลิซ่า” เป็นผู้เสียหาย แม้หญิงดังกล่าว หมายความถึงโจทก์ก็มิอาจกล่าวอ้างได้ว่าตนเป็นผู้เสียหายเช่นกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม .28(2) อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 นอกจากนี้แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ น.ส.ชัชฎาภร หรือต่าย ธนันทา ดาราสาว และพิธีกรช่อง 7 สี เป็นโจทก์ฟ้อง นายศิริ เหลืองสวัสดิ์ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา และนายภูวพิตร ศุภมิตรโชติม รองบรรณาธิการบริหารนิตยสารก๊อสซิปสตาร์ กับพวกที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า จำเลยร่วมกันตีพิมพ์ข่าวและภาพในนิตยสาร “ก๊อสซิป สตาร์” มีข้อความพาดหัวว่า “ช็อก! ต่าย-ชัชฎาภร ร่วมก๊วนสวิง โจอี้” พร้อมภาพงานปาร์ตี้ที่โจอี้ บอย ซึ่งเคยเป็นข่าวฉาวมาแล้ว และยังมีการระบุด้วยว่าภาพหญิงที่อยู่ในหนังสือมีใบหน้าคล้ายดาราสาวคนดังซึ่งหมายถึงโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 ก.ย.49 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 เดือน ปรับเงิน 50,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และปรับ บริษัท ฐานการพิมพ์ จำเลยที่ 6 จำนวน 50,000 บาท และลงคำโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน และให้จำเลยที่ 1 และ 6 จ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 800,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยยื่นอุทธรณ์ถึงประเด็นเรื่องการเสนอข่าวว่าเป็นการเปรียบเทียบภาพถ่ายของหญิงสาวที่มีหน้าตาคล้ายกับโจทก์ ไม่มีเจตนาที่จะทำให้โจทก์เสียหาย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า แม้ข้อความและภาพข่าวในส่วนของการพาดหัวข่าว และเนื้อหาข่าวจะกล่าวหาโจทก์ในทางเสียหาย แต่มีการอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ภาพดังกล่าวดูได้จากวีซีดี ซึ่งมีเรื่องหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกับโจทก์ โดยมีการส่งเครื่องหมายลูกศร และนำภาพใบหน้าของโจทก์จริงๆ มาลงไว้คู่กับเพื่อเปรียบเทียบบุคคลนั้นกับโจทก์ จึงแสดงให้เห็นว่าหญิงที่พบในวีซีดีนั้นมีแต่เพียงใบหน้าที่เหมือนกัน มิได้กล่าวถึงรูปพรรณสัณฐานอื่นว่าเหมือนกันอย่างไร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งมิได้อธิบายยืนยันข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนว่า บุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกัน ทั้งยังมีคำพูดของโจทก์ว่าเมื่อสอบถามดาราสาวเธอก็ปฏิเสธทันควันอย่างอารมณ์ดีว่า ไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน แต่หน้าเหมือนกันเท่านั้นเอง แสดงว่าโจทก์ทราบอยู่แล้วว่าหญิงสาวในวีซีดีนั้นไม่ใช่โจทก์ การที่จำเลยเสนอข่าวจึงน่าจะเป็นผลดีกับโจทก์มากกว่าการที่ให้ผู้อื่นดูภาพในวีซีดีเพียงอย่างเดียวแล้วจะทำให้เข้าใจผิดในตีโจทก์ได้ แม้ถ้อยคำตามข้อความในข่าวจะมีคำว่าสวิงกิ้ง ซึ่งเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมทางเพศ กรณียังไม่ถือได้ว่าเป็นการกล่าวร้ายใส่ความโจทก์ที่ศาลชั้นตนพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และ 6 นั้น ศาลอุทธรณ์ไม่พ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-6 ฟังขึ้น พิพากษายกฟ้อง
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 613 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ น.ส.อุมา ไพบูลย์พันธ์ หรือลิซ่า ไปรพิศ ดารานักมายากลสาว ภริยา นายเฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์ หรือฟิลิปส์ นักมายากลชื่อดัง เป็นโจทก์ฟ้อง ดร.ปกรณ์ ตันศิริ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณานิตยสาร FHM, บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนิตยสาร FHM, นายวิลักษณ์ โหลทอง, นายวรรคสร โหลทอง, นายพงษ์ศํกดิ์ ผลอนันต์, นายยอดชาย ขันธะชวนะ และนายสานิต บูรณวิทยานนท์ กรรมการบริษัทฯ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 พร้อมกับเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท กรณีเมื่อเดือน มี.ค. 48 จำเลยที่ 2 ได้ตีพิมพ์ภาพโป๊เปลือยของโจทก์ และลงข้อความหมิ่นประมาททำนองว่า “เล่นกลบนเตียง Be a magician in bed” และข้อความอื่นอันซึ่งกล่าวถึงโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 พ.ย.49 จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 เดือน และปรับ 50,000 บาท พร้อมให้ลงข้อความขอโทษโจทก์ในนิตยสาร FHM ฉบับรายเดือน 1 ครั้ง แต่โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 -7
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ข้อความตามฟ้องเพียงแต่สมมติเรื่องราวขึ้นมาแล้วตั้งคำถาม กับให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้อ่าน รวมทั้งรับรองผลของการกระทำ ตามข้อเสนอแนะ ซึ่งมิได้เป็นเรื่องราวที่มีอยู่หรือเกิดขึ้นจริง อีกทั้งไม่มีข้อความตอนใด ยืนยันข้อเท็จจริงว่า หญิงที่ใช้ชื่อว่า “ลิซ่า” แสดงมายากลบนเตียง โดยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทางเพศ จึงไม่อาจทำให้บุคคลโดยทั่วไป ที่อ่านข้อความนั้นแล้วเข้าใจได้ว่าหญิงที่ชื่อว่า “ลิซ่า” รับบริการทางเพศแสดงมายากลบนเตียง ดังที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง การเขียนลงพิมพ์และโฆษณาดังกล่าว จึงเป็นการกล่าวร้ายใส่ความหญิงที่ชื่อว่า “ลิซ่า” ต่อบุคคลที่ 3 อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทไม่
ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง ยังถือไม่ได้ว่าหญิงที่ใช้ชื่อว่า “ลิซ่า” เป็นผู้เสียหาย แม้หญิงดังกล่าว หมายความถึงโจทก์ก็มิอาจกล่าวอ้างได้ว่าตนเป็นผู้เสียหายเช่นกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม .28(2) อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 นอกจากนี้แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น