องค์กรพัฒนาเอกชนยื่นหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ ให้ช่วยสางคดี คนร้ายลอบสังหารแกนนำนักอนุรักษ์ทะเลสาบสงขลา และคดีมาบตาพุด
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ รับคดีลอบสังหารนาย สิทธิชัย แพทย์พงศ์ อายุ 46 ปี เอ็นจีไอภาคใต้และอุปนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย อาการโคม่า เป็นคดีพิเศษ
นายไพโรจน์กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 08.30 น. คนร้ายได้ติดตามประกบยิงนายสิทธิชัย ซึ่งเป็นสมาชิกองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อหน้าแม่ค้าและประชาชนที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก เหตุเกิดที่บริเวณหน้าหมู่บ้านทรัพย์ปรีชา ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เหตุการณ์ผ่านมาจะครบ 1 เดือน ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ยังจับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ และคดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทั้งที่ตัวแทนชาวบ้านและคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ได้ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้ว
นายไพโรจน์กล่าวอีกว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่าย37 องค์กร เห็นว่าการลอบสังหารนายสิทธิชัย เป็นคดีสะเทือนขวัญและการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนทำงานเพื่อสังคมและประชาชน สำหรับนายสิทธิชัย นั้นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ทำงานให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมและงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น จัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา ทั้งนี้ก่อนจะถูกคนร้ายลอบยิงนั้นนายสิทธิชัยเองก็รู้ตัวว่ากำลังจะถูกลอบทำร้าย โดยเขียนจดหมายความยาว 3 หน้า ระบุสาเหตุจูงใจที่คนร้ายจะยิง และบอกลาเพื่อนร่วมงานว่าถ้าเสียชีวิตอย่าเพิ่งเผาศพ ให้เรียกร้องความถูกต้องและความเป็นธรรม จับคนฆ่าและบงการให้ได้ก่อน
นายธาริตกล่าวว่า เบื้องต้นดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อเสนอให้ที่ประชุม กคพ.พิจารณาเป็นคดีพิเศษในการประชุมครั้งหน้า
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกเดินทาง ยื่นหนังสือให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เรื่องขอให้พิจารณาบรรจุปัญหาผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรม กรณีศึกษามาบตาพุดและข้างเคียงเป็นคดีพิเศษ
นายสุทธิระบุว่า เมื่อปีที่ผ่านดีเอสไอได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหามาบตาพุด จนเป็นเหตุให้มีการดำเนินคดีกรณีที่มีการนำขยะอุตสาหกรรมมาทิ้งในที่ที่ไม่ถูกต้องในช่วงปีที่ผ่านมา รวมทั้งเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความบกพร่องและการละเลยการปฏิบัติหน้าที่และการไม่บังคับใช้กฎหมาย ความจงใจกระทำความผิดของทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ดังนั้นจึงขอให้ดีเอสไอ ผลักดันให้กรณีปัญหาดังกล่าวเป็นคดีพิเศษโดยด่วน เพื่อคุ้มครองผลกระทบด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชน รวมทั้งขอให้ช่วยสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีบุคคลกระทำการล่อลวงผู้ฟ้องคดีจำนวน 10 ราย ให้ถอนฟ้องคดี ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงอยากให้สืบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้วย
ด้าน นายธาริตกล่าวว่า ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าไปดูแลไม่ให้กลุ่มนายทุนใช้อิทธิพลข่มขู่ชาวบ้านเกี่ยวกับผลกระทบของโครงการมาบตะพุดให้หวาดกลัวและถอนฟ้องคดี คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในครั้งหน้า
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ รับคดีลอบสังหารนาย สิทธิชัย แพทย์พงศ์ อายุ 46 ปี เอ็นจีไอภาคใต้และอุปนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย อาการโคม่า เป็นคดีพิเศษ
นายไพโรจน์กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 08.30 น. คนร้ายได้ติดตามประกบยิงนายสิทธิชัย ซึ่งเป็นสมาชิกองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อหน้าแม่ค้าและประชาชนที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก เหตุเกิดที่บริเวณหน้าหมู่บ้านทรัพย์ปรีชา ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เหตุการณ์ผ่านมาจะครบ 1 เดือน ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ยังจับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ และคดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ทั้งที่ตัวแทนชาวบ้านและคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ได้ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้ว
นายไพโรจน์กล่าวอีกว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่าย37 องค์กร เห็นว่าการลอบสังหารนายสิทธิชัย เป็นคดีสะเทือนขวัญและการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนทำงานเพื่อสังคมและประชาชน สำหรับนายสิทธิชัย นั้นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ทำงานให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมและงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น จัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา ทั้งนี้ก่อนจะถูกคนร้ายลอบยิงนั้นนายสิทธิชัยเองก็รู้ตัวว่ากำลังจะถูกลอบทำร้าย โดยเขียนจดหมายความยาว 3 หน้า ระบุสาเหตุจูงใจที่คนร้ายจะยิง และบอกลาเพื่อนร่วมงานว่าถ้าเสียชีวิตอย่าเพิ่งเผาศพ ให้เรียกร้องความถูกต้องและความเป็นธรรม จับคนฆ่าและบงการให้ได้ก่อน
นายธาริตกล่าวว่า เบื้องต้นดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อเสนอให้ที่ประชุม กคพ.พิจารณาเป็นคดีพิเศษในการประชุมครั้งหน้า
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกเดินทาง ยื่นหนังสือให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เรื่องขอให้พิจารณาบรรจุปัญหาผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรม กรณีศึกษามาบตาพุดและข้างเคียงเป็นคดีพิเศษ
นายสุทธิระบุว่า เมื่อปีที่ผ่านดีเอสไอได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหามาบตาพุด จนเป็นเหตุให้มีการดำเนินคดีกรณีที่มีการนำขยะอุตสาหกรรมมาทิ้งในที่ที่ไม่ถูกต้องในช่วงปีที่ผ่านมา รวมทั้งเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความบกพร่องและการละเลยการปฏิบัติหน้าที่และการไม่บังคับใช้กฎหมาย ความจงใจกระทำความผิดของทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ดังนั้นจึงขอให้ดีเอสไอ ผลักดันให้กรณีปัญหาดังกล่าวเป็นคดีพิเศษโดยด่วน เพื่อคุ้มครองผลกระทบด้านสุขภาพและชีวิตของประชาชน รวมทั้งขอให้ช่วยสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีบุคคลกระทำการล่อลวงผู้ฟ้องคดีจำนวน 10 ราย ให้ถอนฟ้องคดี ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงอยากให้สืบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดด้วย
ด้าน นายธาริตกล่าวว่า ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าไปดูแลไม่ให้กลุ่มนายทุนใช้อิทธิพลข่มขู่ชาวบ้านเกี่ยวกับผลกระทบของโครงการมาบตะพุดให้หวาดกลัวและถอนฟ้องคดี คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในครั้งหน้า