xs
xsm
sm
md
lg

สภาทนายจี้รัฐคดีมาบตาพุด ต้องทำตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ
“สภาทนายความ” จี้รัฐบาลทำตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดคดีมาบตาพุด หยุดดึงเอกชนขู่ระงับโครงการกระทบปากท้อง อาจโดนฟ้องละเมิดอำนาจศาล แนะออกระเบียบนายกฯ ให้ 8 หน่วยงานปฎิบัติประสานเอกชน ไม่ต้องรอรายงานกรรมการ 4 ฝ่าย



วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สภาทนายความ ถนนราชดำเนิน นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ และนายเสงี่ยม บุญจันทร์ รองโฆษกสภาทนายความ ร่วมกันแถลงการณ์ กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองระงับการก่อสร้างโครงการมาบตาพุดรวม 65 โครงการ ในคดีที่ สภาทนายความ และสมาคมลดโลกร้อนกับพวกซึ่งเป็นชาวบ้านใน อ.มาบตาพุด จ.ระยอง และพื้นที่ใกล้เคียงยื่นฟ้อง คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กับพวกรวม 8 ราย ว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนที่จะดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับมีการออกข่าวของผู้มีส่วนได้เสียที่ยื่นคำร้องเข้ามาในชั้นพิจารณาจำนวน 36 ราย ซึ่งบางรายได้แถลงข่าวทำนองว่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุน ทำให้การการลงทุนหยุดชะงัก มีการงดการจ้างงาน รวมถึงการขึ้นราคาก๊าซหรือน้ำมันด้วย ซึ่งสภาทนายความเห็นว่าหากรัฐบาลปล่อยให้เกิดความล่าช้า จะทำให้เกิดความสับสน และความไม่เข้าใจของผู้ลงทุน ที่ออกมาแก้เกี้ยวโดยใช้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือการกดดันทางด้านการบริโภคด้านพลังงานมาสร้างความกดดันให้กับชาวบ้านและประชาชน โดยเฉพาะชุมชนอำเภอมาบตาพุด อำเภอบ้านฉาง และใกล้เคียงจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นผู้ได้รับความเสียหายมานานนับ 10 ปีแล้ว ดังนั้น สภาทนายมีความเห็นออกแถลงการณ์ฉบับนี้มาเพื่อให้หน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะรัฐบาลนำไปพิจารณาดำเนินการ ดังนี้

1.ผู้ที่มีส่วนได้เสียในโครงการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในคดีสิ่งแวดล้อมของชุมชนอำเภอมาบตาพุด อำเภอบ้านฉาง และใกล้เคียงจังหวัดระยองดังกล่าวข้างต้น ควรที่จะน้อมรับปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดโดยทันทีและไม่บิดพลิ้ว เพราะกรณีไม่มีข้อเท็จจริงที่อาจฟังเป็นอย่างอื่นได้ว่าไม่มีการละเมิดสิทธิชุมชนที่ได้รับความคุ้มครองจากรัฐ โดยเฉพาะให้หยุดเสนอข่าวที่เป็นการสร้างแรงกดดันให้กับสังคมและชุมชนเรื่องขึ้นราคาก๊าซหรือสินค้าหรือบริการกลุ่มพลังงาน เพราะจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าไม่เคารพที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด และให้หยุดการเผยแพร่ข่าวที่เป็นการให้ร้ายต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย หากยังมีการเสนอข่าวหรือพูดในทำนองเช่นนี้อีก สภาทนายความในฐานะผู้รับมอบอำนาจในการฟ้องคดีของโจทก์ทั้ง 43 ราย จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีการพิจารณาเรื่องการละเมิดอำนาจศาลโดยไม่ชักช้า

2.ทางแก้ที่ง่ายและสะดวกที่สุดในขณะนี้ก็คือ กลไกของการบริหารการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายแม่บทตามข้อวินิจฉัยในคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุดที่เป็นกรณีที่เกี่ยวกับการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือล่าช้า จึงเป็นเหตุให้การบังคับการตามกฎหมายที่ควรจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชุมชนและการลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่สมดุลย์กันต้องมาประจันหน้ากัน โดยหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่มักจะใช้สิทธิและอำนาจหน้าที่ของตนแปลความกฎหมายเสมือนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจเต็มที่ แต่คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดได้ยืนยันถึงการตรวจสอบอำนาจของรัฐภาคประชาชนที่ให้สิทธิชุมชนจะลุกขึ้นมาใช้สิทธิอันชอบธรรมของตนในทางศาล กรณีจึงเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 8 รายที่จำเป็นต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด หากล่าช้าเกินสมควรต่อไปอีกทางผู้ฟ้องคดีก็จำเป็นจะต้องดำเนินการออกคำบังคับของศาลให้หน่วยงานผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติตามโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปโดยชอบตามหลักนิติธรรมที่กำหนดไว้ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

3.รัฐบาลไม่ควรนิ่งเฉยต่อปัญหาการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐทั้ง 8 ราย โดยเฉพาะรัฐบาลมีอำนาจโดยชอบที่จะสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งจะเป็นเวลาเนิ่นนาน เรื่องรีบด่วนที่รัฐบาลสามารถจะทำได้คือการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามมาตรา 67 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2536 รัฐบาลในขณะนั้นก็อยู่ในฐานะเสียเปรียบของการเจรจาแก้กฎหมายลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะปัญหาการปราบปรามที่ไม่ได้ผล ทำให้ประเทศไทยมีปัญหากับประเทศสหรัฐอเมริกาและถูกขึ้นบัญชีเป็นประเทศอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ถูกจับตามองในฐานะที่เป็นประเทศที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์มากขึ้น และจะไปแก้ไขกฎหมายเพื่อเจรจาการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่ทัน ในขณะนั้นนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) จึงได้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ พ.ศ.2536 ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการให้ส่วนราชการประสานงานทั้งภาคราชการและเอกชนวางระเบียบปฏิบัติและจัดทำคู่มือเพื่อปฏิบัติตามระเบียบฉบับดังกล่าว ซึ่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่อ้างถึงนั้นก็ได้ใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ ดังนั้นรัฐบาลปัจจุบันจึงไม่จำเป็นต้องรอการออกกฎหมายหรือการศึกษาข้อเท็จจริงอื่นใดอีกนอกจากควรจะต้องรีบปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดโดยการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีให้ส่วนราชการที่เป็นปัญหาในการปฏิบัติงานล่าช้าและเป็นผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 8 รายดำเนินการประสานงานกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง วางระเบียบปฏิบัติและจัดทำคู่มือการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของประชาชนที่เป็นปัญหาและเป็นต้นเหตุสำคัญของข้อพิพาทในคดีนี้โดยเร็ว รัฐบาลไม่ควรนิ่งเฉยรอให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบและภาคเอกชนไปแก้ไขปัญหากันเอง รัฐบาลจึงควรเริ่มดำเนินการให้มีการยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้โดยไม่ชักช้า

สภาทนายความเชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกจุดและตรงประเด็น และจะทำให้ภาคเอกชนกับภาคราชการสามารถประสานความเข้าใจและประกอบธุรกิจต่อไปได้ด้วยดีบนพื้นฐานของความสมัครสมานสามัคคีและความเข้าใจอันดีต่อกัน จึงขอแถลงการณ์มาเพื่อขอให้รัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและให้การลงทุนในประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากลในด้านการรักษาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม

นายกสภาทนายความ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลรีบแก้ไขปัญหา อย่ารอให้เสียเวลายืดเยื้อ เชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมพร้อมที่จะร่วมมือเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ อย่าดึงเอกชนทั้ง 36 รายเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีอ้างว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงต้องมารับเคราะห์ ที่จริงคดีนี้ไม่ได้ยื่นฟ้องเอกชน แต่รัฐบาลดันมั่นใจว่าหากดึงเข้ามาแล้วศาลปกครองสูงสุดจะกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น เหมือนเอาสีข้างเข้าถู ซึ่งก็ได้รับทราบจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวแล้ว เรื่องนี้แก้ได้ง่ายๆ เพียงแค่รัฐบาลออกระเบียบนายกรัฐมนตรี ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 8 ราย นำไปปฏิบัติประสานกับเอกชน ซึ่งจะสามารถให้เอกชนสร้างโรงงานไปก่อน เมื่อดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมครบถ้วนตามกฎหมายแล้วจงค่อยออกใบอนุญาตให้ภายหลัง ไม่ต้องรอรายงานจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย

“รัฐบาลส่งเสริมโครงการอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้นภาษี 8 ปี ก็ควรเห็นใจชาวบ้านในพื้นที่ที่เดือดร้อนต้องย้ายบ้านเพราะทนมลพิษไม่ไหว หากวันนี้ออกระเบียบนายกฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ พรุ่งนี้ก็สามารถไปยื่นขอทุเลาการบังคับต่อศาลปกครองสูงสุดได้แล้ว ขอร้องอย่าเอาภาคอุตสาหกรรมมาขู่ประชาชนเรื่องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ถือเป็นการข่มขู่ ไม่ปฏิบัติตาม เช่นนั้นสภาทนายความจะร้องต่อศาลเอาผิดเรื่องละเมิดอำนาจศาล” นายกสภาทนายความกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น