รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม เผย อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่ยึดมาได้จากการจู่โจมเข้าค้นบ้าน และบริษัทของผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อจักจ้างรถ จยย.สายตรวจไทเกอร์
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (รรท.ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการสืบสวนคดีการทุจริตโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ 19,147 คัน มูลค่า 1,144,990,600 บาท ว่า ตนได้เร่งรัดให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ตรวจสอบข้อมูลนายตำรวจระดับต่างๆ ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า ขณะนี้มียศ ตำแหน่งใด สังกัดอยู่ที่ใด เพื่อสะดวกกับการเรียกตัวเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำในคดี
พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเชิญพยานบุคคลที่อยู่ร่วมในการเข้าตรวจค้นบ้านพักและบริษัทเอกชนทั้ง 4 แห่ง เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ให้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อร่วมกันเปิดกล่องเก็บเอกสารต่างๆ ที่ตรวจยึดมาและร่วมกันตรวจสอบพร้อมกับรับรองเอกสารต่างๆ ก่อนจะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบสำนวนการสอบสวน โดยการดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และป้องกันข้อครหาในภายหลังเกี่ยวกับการรวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะทยอยเชิญพยานบุคคลมาพบภายในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังนายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการบริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด ไว้แล้วเพื่อขอให้มาเป็นพยานรับรองเอกสารที่ตรวจยึดมาจากบริษัท มิลเลเนี่ยม มอเตอร์ จำกัด โรงงานผลิตจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รรท.ผบก.ป.ยังได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำหนังสือถึงกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ (ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า) จำกัด เลขที่ 769 ซ.สุขุมวิท 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.เพื่อประสานขอตรวจสอบข้อมูลการครอบครองรถยนต์ที่จำหน่ายให้กับบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน เนื่องจากแนวทางการสืบสวนเชื่อว่ามีการซื้อรถยนต์ให้กับข้าราชการตำรวจ และอดีตข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานอื่นๆ อีกหลายคน โดยทันทีที่พนักงานสอบสวนเดินทางไปถึงบริษัทดังกล่าว ทางพนักงานบริษัทแห่งนี้กลับไม่ยอมเซ็นชื่อรับเอกสารโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา แต่ท้ายที่สุดก็มีนางเพ็ญรัตน์ ศรีสุข เลขานุการกรรมการผู้จัดการบริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ จำกัด เป็นผู้รับหนังสือไว้
ส่วนการตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์คันหนึ่ง ที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่า มีนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.ใช้อยู่นั้น พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึงบริษัทผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดังกล่าวเพื่อขอข้อมูลการซื้อขายและการครอบครองไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับการประสานตอบกลับข้อมูลมาแต่อย่างใด นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์อีก 2 แห่ง เพื่อขอให้ตรวจสอบกระแสการหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากของกลุ่มผู้ต้องสงสัย 4 คน ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทเอกชน 3 คน และอดีตนายตำรวจยศ พ.ต.อ.1 คน จากกรณีการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจยี่ห้อไทเกอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเข้าตรวจค้นหลักฐานที่ บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการสืบสวนสอบสวนเนื่องจากพบเอกสารการเดินทางไปต่างประเทศของสายการบินต่างๆ ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบันจำนวน 27 เที่ยวบิน โดยบางเที่ยวบินเป็นการเดินทางในชั้นเฟิร์สคลาส สำหรับรายชื่อของคณะเดินทางนั้นส่วนใหญ่เป็นข้าราชการและนายตำรวจระดับสูง ขณะที่บางรายการมีการเดินทางกันเป็นครอบครัวอย่างมีพิรุธ ซึ่งในส่วนนี้ทาง บก.ป.อยู่ระหว่างนำรายชื่อทั้งหมดมาตรวจสอบความเกี่ยวพัน รวมทั้งความสัมพันธ์กับบริษัทเอกชนที่เข้ามาประมูลงานกับหน่วยงานรัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มีรายงานข่าวว่า รายชื่อของคณะที่เดินทางไปต่างประเทศนั้น ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีชื่อของคณะกรรมการร่างทีโออาร์การเช่ารถยนต์ตู้ติดแก๊สเอ็นจีวี 1,447 คัน และคณะกรรมการตรวจรับรถตู้เอ็นจีวี ซึ่งเดินทางไปด้วยหลายคน นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการระดับสูงของกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารขององค์การขนส่งมวลชน ร่วมคณะไปด้วย ขณะเดียวกันจากการตรวจค้นชุดสืบสวน บก.ป.ยังพบเอกสารเช็คเงินสดสั่งจ่ายให้กับ พล.ต.ท. ตัวย่อ “ป” จำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พล.ต.ท.“ป” คนนี้มีความสนิทสนมกันกับ พล.ต.อ.คนหนึ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ